ผู้เชี่ยวชาญใน Twitter คิดอย่างไรกับการล้มละลายของ FTX

การล้มละลายของ FTX แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่ของโลก ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดคริปโตเคอร์เรนซีทั่วโลก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2022 โดย SBF ไม่สามารถตามหานักลงทุนที่จะมาช่วยกู้วิกฤตอาณาจักรของเขาได้ ดังนั้น การเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายของเขาคือการลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของ FTX หลังจากยื่นเอกสาร “บทที่ 11 ของประมวลกฎหมายล้มละลายของสหรัฐอเมริกา” สำหรับ FTX, FTX US, Alameda Research และ บริษัทที่ประกอบกิจการร่วมกันอีกว่า 130 แห่ง ซึ่งหมายถึงการล้มละลายระหว่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตเคอเรนซี่ต่างคาดการณ์ว่า การล่มสลายของ FTX อาจมีผลกระทบต่อตลาดคริปโตเคอเรนซี่ในระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้

ผลกระทบในระยะสั้น

• ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงต่อไป เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องของแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี่อื่นๆ
• ปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมีแนวโน้มที่จะลดลง เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนหรือถอนการลงทุนออกบางส่วน
• เกิดความไม่เชื่อมั่นในอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่มากขึ้น

ผลกระทบในระยะยาว

• รัฐบาลต่างๆ อาจเร่งออกกฎระเบียบเพื่อกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
• ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่อาจต้องปรับตัวเพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น
• อุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่อาจมีความผันผวนมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้น

ตัวอย่างความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตเคอเรนซี่

• Michael Novogratz ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Galaxy Digital กล่าวว่า การล่มสลายของ FTX สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงและความผันผวนของตลาดคริปโตเคอเรนซี่ และอาจทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนหรือถอนการลงทุนออกบางส่วน

• Teddy Vallee ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัท DeFi Dad กล่าวว่า การล่มสลายของ FTX อาจส่งผลให้รัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกเร่งออกกฎระเบียบเพื่อกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่มากขึ้น

• Chris Burniske หุ้นส่วนผู้จัดการบริษัท Placeholder กล่าวว่า การล่มสลายของ FTX อาจทำให้อุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่มีความผันผวนมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้น

• Ryan Selkis ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัท Messari กล่าวว่า การล่มสลายของ FTX สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของตลาดคริปโตเคอเรนซี่ และอาจทำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
• Will Clemente นักวิเคราะห์จากบริษัท Glassnode กล่าวว่า การล่มสลายของ FTX อาจทำให้นักลงทุนหันมาสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีสภาพคล่องสูงและมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เช่น Bitcoin และ Ethereum
• Nigel Green ประธานและซีอีโอบริษัท deVere Group กล่าวว่า การล่มสลายของ FTX อาจทำให้รัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกเร่งออกกฎระเบียบเพื่อกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่ในระยะยาวความคิดเห็นเหล่านี้สอดคล้องกับความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตเคอเรนซี่ที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองว่า การล่มสลายของ FTX สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงและความผันผวนของตลาดคริปโตเคอเรนซี่ และอาจส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลให้รัฐบาลต่างๆ เร่งออกกฎระเบียบเพื่อกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่ในระยะยาว

บุคคลสำคัญของโลกต่างให้ความเห็นเกี่ยวกับการล่มสลายของ FTX แตกต่างกันไป บางคนมองว่าเป็นสัญญาณเตือนถึงความเปราะบางของตลาดคริปโตเคอเรนซี่ ในขณะที่บางคนมองว่าเป็นโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่ที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน

ความคิดเห็นของบุคคลสำคัญของโลก

• เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) กล่าวว่า การล่มสลายของ FTX สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงและความผันผวนของตลาดคริปโตเคอเรนซี่ และอาจทำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น

• คริสเตียน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า การล่มสลายของ FTX แสดงให้เห็นว่าตลาดคริปโตเคอเรนซี่ยังไม่พร้อมสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน และจำเป็นต้องมีกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น

• คริสโตเฟอร์ วอร์เรน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า การล่มสลายของ FTX แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่

• อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและเจ้าของบริษัท SpaceX และ Tesla กล่าวว่า การล่มสลายของ FTX แสดงให้เห็นว่าตลาดคริปโตเคอเรนซี่ยังคงมีความผันผวนสูง และนักลงทุนควรระมัดระวังการลงทุน

• ชางเพ็ง เจา ซีอีโอของบริษัท Binance กล่าวว่า การล่มสลายของ FTX อาจเป็นโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่ที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน โดยผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมควรให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงและสภาพคล่อง

การล่มสลายของ FTX ส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตเคอเรนซี่อย่างมีนัยสำคัญ และได้รับความสนใจจากบุคคลสำคัญของโลกเป็นอย่างมาก ความคิดเห็นของบุคคลสำคัญของโลกส่วนใหญ่มองว่า การล่มสลายของ FTX สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงและความผันผวนของตลาดคริปโตเคอเรนซี่ และอาจส่งผลต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม บางคนมองว่า การล่มสลายของ FTX เป็นโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่ที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน

โอกาสที่ FTX จะกลับมานั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้

• สถานการณ์เศรษฐกิจโลก หากเศรษฐกิจโลกเริ่มปรับตัวดีขึ้น นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะกลับมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลดีต่อสภาพคล่องของ FTX และอาจทำให้ FTX กลับมาดำเนินธุรกิจต่อไปได้

• กฎระเบียบของรัฐบาล หากกฎระเบียบของรัฐบาลไม่ได้เข้มงวดจนเกินไป FTX ก็สามารถปรับตัวเพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบได้ และอาจทำให้ FTX สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจต่อไปได้

• ความเชื่อมั่นของนักลงทุน หากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่และใน FTX ก็มีแนวโน้มที่จะกลับมาลงทุนใน FTX ซึ่งอาจส่งผลดีต่อสภาพคล่องของ FTX และอาจทำให้ FTX กลับมาดำเนินธุรกิจต่อไปได้

จากปัจจัยต่างๆ ข้างต้น พบว่า โอกาสที่ FTX จะกลับมานั้นค่อนข้างสูง เนื่องจากการล่มสลายของ FTX สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงและความผันผวนของตลาดคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเริ่มปรับตัวดีขึ้น และกฎระเบียบของรัฐบาลไม่ได้เข้มงวดจนเกินไป ก็มีแนวโน้มที่นักลงทุนจะกลับมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลดีต่อสภาพคล่องของ FTX และอาจทำให้ FTX สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ FTX จะกลับมานั้นยังขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของนักลงทุน หากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่และใน FTX ก็มีแนวโน้มที่จะกลับมาลงทุนใน FTX ซึ่งอาจส่งผลดีต่อสภาพคล่องของ FTX และอาจทำให้ FTX สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจต่อไปได้