1 min read
เป็นมือใหม่อยากเล่นหุ้น… แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี เรามีข้อแนะนำให้
ตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่หอมหวานสำหรับใครหลาย ๆ คน ที่ต้องการความร่ำรวย และมีอิสรภาพทางการเงิน แต่หลาย ๆ คนก็ยังคงสงสัยและกลัวอยู่ว่าจะเข้าไปอย่างไร เมื่อไม่ได้มีความรู้ด้านนี้ แค่เห็นกระดานกราฟขึ้นลง เห็นตัวเลขเขียว ๆ แดง ๆ มากมายก็กลัวแล้ว เราจึงรวบรวมสิ่งต่าง ๆ สำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม่มาให้ ซึ่งต้องบอกเลยว่า มันไม่ได้เกี่ยวด้วยเรื่องอายุ การศึกษา แต่เกี่ยวที่ว่าคุณมีความกล้ามากพอหรือไม่
จะ “เล่นหุ้น” มารู้จักกับคำว่า “หุ้น” กัน
“หุ้น” คือ ตราสารที่ออกให้บุคคลที่มาร่วมลงทุนในบริษัทที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยบุคคลนั้นจะมีฐานะเป็นเจ้าของกิจการ มีส่วนได้ส่วนเสียในผลประกอบการหรือทรัพย์สินในกิจการนั้น ๆ ซึ่งหากคุณลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ คุณก็จะเหมือนเป็นเจ้าของกิจการในธุรกิจนั้น โดยผลตอบแทนจะได้ในรูปแบบของเงินปันผลและกำไรจากการขายหุ้น ซึ่งจะได้มากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจ และผลประกอบการของธุรกิจนั้น เพราะเหตุนี้ทำให้มีหลายคนที่มีฝีมือด้านการลงทุนได้กลายเป็นเศรษฐี หุ้นจึงกลายเป็นสิ่งยั่วยวนสำหรับใครหลาย ๆ คนที่มีความฝัน แต่การจะไปถึงขั้นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการลงทุนล้วนต้องมีทักษะ ความรู้ รวมถึงภาวะจิตใจที่แข็งแกร่งเชื่อมั่น ซึ่งมันไม่ได้ง่ายเลยสำหรับนักลงทุนมือใหม่
ดังนั้น เราจึงขอแนะนำว่า คุณควรใช้เงินเย็น ซึ่งหมายถึง เงินที่เหลือจากการใช้จ่าย พร้อมที่จะขาดทุน ไม่ใช่เงินกู้ยืม ไม่ใช่เงินที่เราจำเป็นต้องใช้จ่ายในแต่ละเดือนมาลงทุน เพราะหากเป็นเช่นนั้นคุณจะเล่นหุ้นอย่างร้อนรุ่มกลุ้มใจ ไม่มีความสุข ทั้งนี้เงินเย็นที่ว่าไม่จำเป็นต้องเป็นเงินหมื่น เงินแสน แค่เงินหนึ่งพันบาทคุณก็สามารถลงทุนในหุ้นได้แล้ว
และหากคุณมีความรู้สึกไม่อยากเสี่ยง ไม่กล้าเสี่ยง กลัวเงินหายหรือการขาดทุน คุณก็ยังไม่เหมาะกับตลาดนี้เท่าใดนัก ยังไงก็แล้วแต่สามารถตรวจสอบความเสี่ยงที่คุณสามารถรับได้ที่ https://www.set.or.th/education/th/online_classroom/risk.html ซึ่งแบบทดสอบนี้จะช่วยให้คุณจัดพอร์ตการที่ลงทุนได้อย่างเหมาะสม และให้คำตอบได้ว่าคุณเหมาะกับตลาดนี้หรือไม่
จะเริ่มต้นการเล่นได้อย่างไร
หลังจากที่คุณมีเงินเย็นสำหรับที่จะใช้การลงทุนแล้ว คุณจำเป็นต้องมีบัญชีสำหรับการเล่น ซึ่งปัจจุบันคุณสามารถเล่นหุ้นออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์หรือมือถือได้เลย โดยสามารถเลือกสมัครบัญชีกับโบรกเกอร์ (นายหน้าในการซื้อขาย) ทางออนไลน์ได้ตามใจชอบ หรือจะติดต่อที่เคาน์เตอร์ธนาคารใกล้บ้านแล้วสมัครก็ได้ เพราะธนาคารใหญ่ ๆ มักมีการผูกกับโบรกเกอร์อยู่แล้ว
โดยผู้ที่จะเปิดบัญชีสำหรับการซื้อหุ้นได้ต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยใช้หลักฐานพื้นฐานในการเปิดบัญชี อันประกอบไปด้วย
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาสมุดคู่ฝากบัญชีออมทรัพย์ย้อนหลัง 6 เดือน
สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่อายุยังไม่ถึง หรือใครที่ยังไม่มั่นใจในการที่จะลงทุนหุ้นแล้วเทรดด้วยตนเอง ก็ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมและทดลองเล่นเป็นเงินทดลอง ได้ที่ click2win ซึ่งเป็นโปรแกรมทดลองการซื้อขายเสมือนจริง แต่แท้จริงแล้วในการลงทุนเราอยากแนะนำให้คุณเล่นเป็นเงินจริงเสียมากกว่า ไม่ว่าจะเริ่มต้นที่เงินกี่บาทก็แล้วแต่ เพราะการเล่นกับเงินจริง ไม่ว่าเราจะได้เงินหรือเสียเงินจะมีผลต่อจิตใจของเรามากกว่าเงินทดลอง ซึ่งเราก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ได้เสียเงินจริง ๆ
สำหรับการเล่นหุ้นแล้วสิ่งที่สำคัญไม่แพ้ความรู้ก็คือจิตใจของผู้เล่นเอง ที่จะต้องไม่มีความโลภเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่หวั่นไหวขึ้นลงไปตามราคา ซึ่งเป็นธรรมชาติของราคา เพราะนั่นจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถทำตามแผนที่คิดเอาไว้ได้ ทำให้นักลงทุนตัดใจขายก่อนที่จะถึงราคาที่ตั้งเป้าไว้จริง ๆ อันนำมาสู่การสูญเสียเงินจนอาจหมดพอร์ตนั่นเอง
แนวทางการเล่นหุ้นสำหรับนักลงทุนมือใหม่
เมื่อเปิดบัญชีแล้วนักลงทุนมือใหม่อาจสับสนว่า แล้วจะเล่นอย่างไรดี ต้องเริ่มต้นจากตรงไหน ต้องบอกคร่าว ๆ ว่า หลัก ๆ แล้วจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1.Fundamental Analysis หรือ Value Investor (VI)
คือ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่มีผลต่อสินทรัพย์ อาทิ สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง อุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังต้องดูพวกงบการเงิน ผลประกอบการ เรียกได้ว่า ต้องเห็นคุณค่าของธุรกิจนั้นและมีความเข้าใจกับมันอย่างลึกซึ้ง ซึ่งต้องใช้เวลาศึกษา วิเคราะห์ นอกจากนี้แล้วยังต้องมีความเชื่อมั่นและอดทนกับธุรกิจนั้นนานพอที่จะถือหุ้นบริษัทนั้น โดยไม่ตัดใจขายไปเสียก่อนเมื่อเห็นว่าหุ้นไม่เป็นไปตามทิศทางที่ต้องการ ดังนั้น สำหรับเราแล้ว VI จึงไม่เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่เท่าใดนัก เว้นเสียแต่คุณมีความรู้ ความเข้าใจด้านการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมาบ้างแล้วพอสมควร
2.Technical Analysis (TA)
คือ การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค จะศึกษาในเรื่องของราคาในตลาดหุ้น หรือพฤติกรรมของตลาด โดยใช้หลักสถิติ นอกจากนี้ยังรวมถึง Indicator ต่าง ๆ ซึ่งเป็นตัวช่วยในการวิเคราะห์ อาทิ MACD, RSI, MOVING AVERAGE ฯลฯ ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ต่าง ๆ มากพอ
ทั้งนี้ การเล่นแบบใช้เทคนิคคอล หากศึกษากันอย่างละเอียดลึกซึ้งจะพบว่ามีทฤษฎีมากมายที่กล่าวถึง รวมทั้ง Indicator สารพัดรูปแบบ ที่หากนำมาใส่ในหน้าจอทั้งหมดอาจไม่พอ ไม่ก็สร้างความปวดหัวให้แก่ผู้เล่นเป็นแน่ ดังนั้นสำหรับมือใหม่แล้ว หากจะเล่นแบบเทคนิคคอล เราขอแนะนำเป็นแนวทางว่าสิ่งควรศึกษาอย่างขาดไม่ได้ คือ แนวรับ แนวต้าน (Support and Resistance), แท่งเทียน (Candlesticks), แนวโน้ม (Trend Line) นอกจากนี้แล้วก็ยังมีทฤษฎีอื่น ๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งสามารถนำมาประกอบ ประยุกต์กันได้ตามความถนัดของแต่ละคน ซึ่งต้องอาศัยเวลาในการเรียนรู้และฝึกฝนกันพอสมควร โดยอาจมี Indicator สักเล็กน้อยมาช่วยในการตัดสินใจ หรือใครถนัด Indicator อย่างเดียวก็ไม่ว่ากัน ทั้งนี้ก็ไม่ควรใส่ตัวช่วยในการวิเคราะห์เยอะเกินไป จนมองไม่เห็นราคาที่แท้จริง หรือทำให้เราสับสนกับทิศทางที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และไม่ว่าจะใช้วิธีใดในตลาดก็แล้วแต่ จงเชื่อมั่นในระบบ และอย่าลืม Stop Loss หรือจุดตัดขาดทุนไว้ด้วย เพื่อไม่ให้พอร์ตเราเสียหายมากเกินไป หรือล้างพอร์ตเวลาที่มันผิดทางหรือไม่เป็นไปตามที่เราคาดไว้
สรุป
นอกจากวิธีการเล่นหุ้น และจิตใจของผู้ลงทุนที่แล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือ การบริหารจัดการเงินในพอร์ต ซึ่งไม่ควรเสี่ยงเกิน 3-5% ในแต่ละครั้ง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคการเล่นของแต่ละคนด้วย แต่การที่คุณลงเงินน้อย ๆ เวลาผิดทาง เสียเงิน มันก็จะไม่มีผลกระทบทางด้านจิตใจคุณมากนัก ทำให้คุณทำตามระบบได้ดีนั่นเอง
ดังนั้นถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถรับความเสี่ยงในการลงทุนได้ การเล่นหุ้นก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่เหมาะกับคุณ ซึ่งสิ่งสำคัญนอกจากเรื่องระบบวิธีการเล่นแล้ว ก็คือจิตใจ และการบริหารจัดการเงิน ซึ่งจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ และหากคุณมีทั้งสามอย่างนี้ครบถ้วน คุณก็สามารถเล่นหุ้นอย่างมีกำไรได้เหมือนกัน
ภาพโดย: https://pixabay.com/
ต้องการมืออาชีพช่วยเขียนบทความ? บริการเขียนบทความ คุณภาพสูง เน้นการปรับแต่งให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและบริการของคุณ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วย บทความ SEO ที่ช่วยเพิ่มอันดับการค้นหาของเว็บไซต์ของคุณ ติดต่อตอนนี้เพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณ