1 min read
“ช้อปดีมีคืน” มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ที่ผู้เสียภาษีไม่ควรพลาด
ปี 2563 เป็นอีกปีที่ไม่ง่ายเลยสำหรับคนทำมาหากิน เนื่องจากพิษเศรษฐกิจจากโควิด 19 ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ภาครัฐจึงต้องหามาตรการมาช่วยเหลือคนทำงานและผู้ประกอบการไทย อย่างโครงการช้อปดีมีคืนที่กำลังออนแอร์ในช่วงปลายปีต้อนรับลมหนาวนี้ แต่โครงการนี้คืออะไร แล้วมีประโยชน์อย่างไรกับเรา ๆ ท่าน ๆ เราจะมาไขข้อข้องใจไปด้วยกัน
ทำความรู้จักกับโครงการช้อปดีมีคืน โครงการของผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยเฉพาะ
โครงการ ช้อปดีมีคืน คืออะไรนะ?
ตั้งแต่ไวรัสโควิด 19 ระบาด ส่งผลให้ธุรกิจน้อยใหญ่ของคนไทยได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า โครงการภาครัฐที่ออกมาช่วยเหลือคนไทยจึงค่อย ๆ ทยอยออกมาหลายโครงการ อย่างเช่น เราไม่ทิ้งกัน คนละครึ่ง ฯลฯ ล่าสุดก็คือโครงการช้อปดีมีคืนที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 – 31 ธันวาคม 2563
ผู้ที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวสามารถนำใบกำกับภาษีที่ได้จากการซื้อสินค้าต่าง ๆ ตามเงื่อนไขไปประกอบการลดหย่อนภาษีของปี 2563 ได้ (กำหนดยื่นภาษีภายในเดือนเมษายนปี 64) หนึ่งคนสามารถลดหย่อนได้สูงสุดถึง 30,000 บาท และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมมากถึง 3.7 ล้านคน จัดว่าเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้คนออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้นในช่วงเวลาที่หลายคนไม่กล้าใช้เงิน
และสำหรับผู้ที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ จะต้องเป็นผู้ที่ไม่ได้ใช้สิทธิมาตรการคนละครึ่ง และจะต้องไม่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในสองเงื่อนไขนี้ก็ถือว่าผ่านฉลุย
มีสินค้าอะไรบ้างที่เข้าร่วมโครงการ
อย่าลืมเช็คให้ดีก่อนซื้อ เพราะไม่ใช่สินค้าทุกประเภทที่เข้าร่วมโครงการนี้ จุดสังเกตคือร้านที่เข้าร่วมจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT เท่านั้น จึงจะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ และจะต้องใช้ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบเท่านั้นเพื่อประกอบการยื่น สำหรับรายการสินค้าที่เข้าร่วมและไม่เข้าร่วมมีดังนี้ คือ
สินค้าที่เข้าร่วม
- สินค้าและบริการทั่วไป
- สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือ OTOP
- หนังสือทั้งแบบที่เป็นรูปเล่มและอิเล็กทรอนิกส์ (E-Book)
สินค้าที่ไม่เข้าร่วมโครงการ
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ และไวน์
- บุหรี่และยาสูบ
- ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะ
- ยานพาหนะอย่าง รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ เรือ
- สิ่งพิมพ์ประเภทหนังสือพิมพ์และนิตยสาร
- ค่าบริการนำเที่ยว ค่าที่พักและโรงแรม
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้เหมาะกับคุณหรือไม่ และจะได้ลดหย่อนภาษีมากน้อยแค่ไหน
ใช้สิทธิ์แล้วจะได้คืนแค่ไหน
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเวลาใช้สิทธิช้อปดีมีคืนก็คือ แต่ละคนจะได้รับการลดหย่อนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าฐานภาษีของคุณอยู่ในระดับไหน แม้คุณจะใช้สิทธิ์ลดหย่อนเต็มจำนวนคือ 30,000 บาท แต่ถ้าฐานภาษีที่คุณต้องจ่ายอยู่ที่ 5% ก็เท่ากับว่าคุณจะประหยัดภาษีเป็นเงินสุทธิที่ 1,500 บาทเท่านั้น
ในขณะที่คนที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราสูง เช่น 30% เท่ากับว่าจำนวนเงิน 30,000 บาทที่นำมาหักลดหย่อนได้นั้น สามารถประหยัดเงินภาษีที่ต้องจ่ายจริงได้ถึง 9,000 บาทเลยดีเดียว
จึงกล่าวได้ว่า ยิ่งเสียภาษีในอัตราสูงเท่าไหร่ โครงการนี้ก็จะให้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น ในขณะที่ผู้มีรายได้ไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี ต่อให้คุณใช้สิทธิลดหย่อนจากโครงการเต็มจำนวน คุณก็จะไม่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้แม้แต่บาทเดียว เพราะคุณมีฐานภาษี 0% หรือได้รับการยกเว้นอยู่แล้วนั่นเอง
ความคุ้มค่าและการตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ
จากการคำนวณทำให้เราทราบว่าความคุ้มค่าของโครงการขึ้นอยู่กับฐานภาษีของแต่ละคน ยิ่งเสียภาษีเยอะยิ่งได้คืนมาก ผู้ที่ควรใช้สิทธิที่สุดควรเป็นผู้ที่มีฐานเงินได้สูงมากกว่า สำหรับผู้ที่หักลดหย่อนแล้วเหลือเงินได้สุทธิไม่ถึง 150,000 บาทให้ข้ามไปได้เลย เพราะไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ ถ้าหากคุณมีฐานรายได้ต่ำแต่ต้องซื้อสินค้าเพื่อใช้ในการลดหย่อนมาก ๆ อาจเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุเพื่อใช้สิทธิในการลดหย่อนขอคืนภาษีเพียงน้อยนิด ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าไป
โครงการช้อปดีมีคืนจัดเป็นอีกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีโดยเฉพาะกับผู้มีฐานเงินได้สูง แต่ถ้าใครที่ไม่ได้ใช้สิทธินี้หรือได้ประโยชน์ไม่มากก็ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะภาครัฐยังมีอีกหลายโครงการที่ช่วยเหลือผู้บริโภคโดยตรงทั้งตอนนี้และในอนาคต เช่น โครงการคนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน เป็นต้น และที่สำคัญอย่าลืมติดตามการอัพเดทโครงการใหม่ ๆ เผื่อมีโครงการช่วยเหลือที่เหมาะสมกับคุณ จะได้ลงทะเบียนทันและไม่พลาดโอกาสดี ๆ ไป แล้วเราจะผ่านมันไปด้วยกัน
เครดิตภาพ : https://pixabay.com
ต้องการมืออาชีพช่วยเขียนบทความ?
บริการเขียนบทความ
คุณภาพสูง เน้นการปรับแต่งให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและบริการของคุณ!
เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วย
บทความ SEO
ที่ช่วยเพิ่มอันดับการค้นหาของเว็บไซต์ของคุณ
ติดต่อเราตอนนี้เพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณ!