ธุรกิจส่วนตัว VS พนักงานประจำ แบบไหนดีกว่ากัน เผยทุกมุม อ่านจบเลือกได้ทันที

โจทย์ใหญ่ที่คนเราต้องตัดสินใจหลังพ้นวัยร่ำเรียนมาแล้วก็คือจะทำงานอะไร จะทำแบบไหน และจะใช้ชีวิตอย่างไร หลายคนมุ่งหน้าเข้าสมัครเป็นพนักงานประจำในตำแหน่งอาชีพที่ตัวเองเรียนจบมา ในขณะที่บางคนมีความทะเยอทะยานอยากเป็นเถ้าแก่มีกิจการเป็นของตัวเอง แต่เส้นทางไหนที่ตอบโจทย์แต่ละคนมากกว่ากัน สำหรับใครที่กำลังอยู่บนทางแยกของหน้าที่การงาน เรามีข้อคิดดี ๆ ในการเลือกหนทางในอนาคตมาฝาก จะได้รู้ว่าคุณเหมาะกับแบบไหน

ความมั่นคงและผลตอบแทนของพนักงานประจำและธุรกิจส่วนตัว แค่ไหนที่คุณพอใจยอมรับได้?

ความมั่นคงและความเสี่ยง

พนักงานประจำมีรายได้สม่ำเสมอ คุณสามารถใช้รายได้แต่ละเดือนได้ตามใจกว่า โดยไม่จำเป็นต้องสำรองไว้ใช้ในเดือนถัดไป เพราะเมื่อถึงวันเงินเดือนออกคุณมั่นใจได้ว่าจะมีเงินให้ใช้แน่นอน ในขณะที่คนทำธุรกิจ มักมีรายได้ไม่แน่นอน มีปัจจัยทั้งภายนอกและภายในที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ในแต่ละวัน บางเดือนอาจมีรายได้มาก บางเดือนอาจมีรายได้น้อย คนทำธุรกิจจึงจำเป็นต้องสำรองเงินไว้ใช้ในวันข้างหน้าด้วยเพื่อรักษาสภาพคล่องหากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

ดังนั้นโดยเฉลี่ยคนทำงานประจำจะมีความมั่นคงสูงกว่า ธนาคารและสินเชื่อจึงนิยมให้เครดิตกับมนุษย์เงินเดือนมากกว่าเจ้าของธุรกิจหรือฟรีแลนซ์

อัตรารายได้และผลตอบแทน

คนทำงานประจำมักจะมีรายได้ต่อเดือนสม่ำเสมอกว่า และอาจมีโอทีกับโบนัสขึ้นอยู่กับงานที่ทำ อัตราผลตอบแทนขึ้นอยู่กับฝีมือและความต้องการของตลาด แต่ก็มีข้อเสียคือมีเพดานรายได้  ต่อให้คุณทำได้ดีมากแค่ไหน ผลตอบแทนที่ได้ก็อาจไม่ต่างจากเดิมมากนัก นั่นเพราะรายได้ถูกกำหนดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ทำให้เติบโตช้ากว่าและทำให้ใช้ศักยภาพได้ไม่เต็มที่เพราะขาดแรงจูงใจในการทำงาน

ธุรกิจส่วนตัว มักมีรายได้ไม่สม่ำเสมอ มีความเสี่ยงสูงกว่ามาก แต่นั่นก็มีข้อดีและเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจให้คนเริ่มเป็นนายตัวเอง เพราะด้วยความเสี่ยงที่สูงทำให้ผลตอบแทนสูงตามไปด้วย เจ้าของธุรกิจไม่มีเพดานรายได้ คุณขายผลงานหรือสินค้าได้มากเท่าไหร่ คุณก็รับมากขึ้นเท่านั้นไม่มีขีดจำกัด สังเกตได้จากคนรุ่นใหม่ที่รวยเร็วภายในเวลาไม่กี่ปี (บางคนก็เร็วกว่านั้น) ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่าคนทำธุรกิจทุกคนจะประสบความสำเร็จ อันที่จริงคนที่ทำธุรกิจสำเร็จมักจะล้มเหลวมาแล้วหลายครั้ง บางคนก็เป็นสิบ หากจะเริ่มต้นเส้นทางนี้ ให้แน่ใจเสียก่อนว่าถ้าล้มแล้ว คุณพร้อมจะลุกขึ้นมาใหม่ได้เสมอ

เวลาและการบริหารชีวิต สองสิ่งที่ต้องคิดเมื่อเลือกต้องเลือกระหว่างพนักงานประจำและธุรกิจส่วนตัว

เวลาทำงานและความรับผิดชอบ

มนุษย์เงินเดือนต้องทำตามกฎและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย จึงมีเวลาทำงานที่ชัดเจนแน่นอนตามนโยบายของบริษัท เมื่อถึงเวลาเลิกงานก็เก็บของกลับบ้าน ปิดโหมดการทำงานแล้วก็มีความสุขได้ทันที ในขณะที่เจ้าของกิจการมักใช้ชีวิตส่วนตัวกับทำงานควบคู่กันแบบแยกไม่ออก หากงานมีปัญหาเร่งด่วนก็ต้องพร้อมลงมือแก้ไขตลอดเวลา ถึงแม้จะไม่ใช่เวลาทำงานแล้วก็ตาม จึงถือว่าโดยเฉลี่ยเจ้าของธุรกิจแม้จะมีอิสระมากกว่าในการใช้ชีวิตและตัดสินใจแต่ก็ต้องรับผิดชอบมากกว่าหลายเท่าด้วย ทั้งยังต้องรับผิดชอบลูกน้องอีกหลายชีวิตที่ร่วมหัวจมท้ายกับเรา ใครที่เคยคิดว่าเป็นเจ้าของกิจการแล้วจะสบายอาจต้องคิดใหม่

สวัสดิการและวันหยุด

พนักงานประจำมีวันหยุดและวันลาแน่นอน มีสวัสดิการให้ตามแต่ละองค์กร ในขณะที่เจ้าของธุรกิจแม้จะกำหนดวันหยุดได้เอง แต่ก็ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้หากเกิดความจำเป็น เราจึงมักเห็นเจ้าของธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น ทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ สวัสดิการต่าง ๆ จึงต้องรับผิดชอบเองด้วยเช่นกัน ในขณะที่พนักงานแม้จะลาหยุดแต่ก็ยังได้เงินตามปกติ

การวางแผนชีวิต

เนื่องจากพนักงานมีความมั่นคงและมีเส้นทางอาชีพชัดเจน สามารถระบุได้ว่าต่อไปจะก้าวหน้าไปทางไหน หรือมีรายได้เท่าไหร่ ทำให้วางแผนชีวิตง่ายกว่ามาก สามารถผ่อนบ้านผ่อนรถได้อย่างสบายใจ ในขณะที่เจ้าของกิจการจำเป็นต้องวางแผนเพื่อขยายกิจการและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นโดยมุ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจก่อนมากกว่าความสะดวกสบายส่วนตัว

ไม่มีทางเลือกไหนที่จะตอบโจทย์ได้ทุกข้อ ทุกทางเลือกมีทั้งข้อดีและข้อเสีย การเป็นพนักงานแม้จะมีเพดานรายได้ แต่ก็มีความมั่นคงสูงกว่า และมีเวลาชีวิตมากกว่า แต่ก็ยากที่จะเป็นเศรษฐีหากไม่นำเงินไปลงทุน ในขณะที่ธุรกิจส่วนตัวมีโอกาสรวยเร็ว มีอิสระในการตัดสินใจ และไม่มีวันตกงานเพราะถูกเลิกจ้าง แต่ก็มีความเสี่ยงและความรับผิดชอบสูงกว่าแบบเทียบกันไม่ติด จะเลือกทางไหนจึงขึ้นอยู่กับว่าคุณปรารถนาอะไรในชีวิต ความมั่นคงหรือความมั่งคั่ง

เครดิตภาพ : https://pixabay.com