Spread the love

1 min read

ลดหย่อนภาษี 2568 แบบมือโปร เริ่มวางแผนตั้งแต่ต้นปีได้เปรียบกว่า

professional tax

การวางแผนลดหย่อนภาษี 2568 เป็นหนึ่งในวิธีการบริหารจัดการเงินที่ช่วยให้คุณมีเงินเหลือมากขึ้น และยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างวินัยทางการเงินได้ โดยเฉพาะเมื่อเริ่มต้นวางแผนตั้งแต่ต้นปี ซึ่งจะช่วยให้คุณมีเวลาศึกษาและเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบโจทย์เป้าหมายส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ เช่น การลงทุนในกองทุนรวม RMF หรือกองทุน ThaiESG ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดหย่อนภาษี แต่ยังเป็นการลงทุนสำหรับบั้นปลายชีวิต และปัจจุบันสามารถวางแผน ซื้อขาย และมอนิเตอร์พอร์ตการลงทุนง่าย ๆ ผ่านแอปซื้อขายกองทุนรวมอีกด้วย



ทำไมต้องรีบวางแผนลดหย่อนภาษี 2568 ตั้งแต่ต้นปี

1. ลดความเสี่ยงจากการลงทุนในครั้งเดียว

การลงทุนในกองทุนตามเป้าหมายเพื่อลดหย่อนภาษีมักได้รับความนิยมในช่วงปลายปี แต่การลงทุนในครั้งเดียวมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินทรัพย์ ซึ่งหากเริ่มวางแผนตั้งแต่ต้นปี คุณจะสามารถทยอยลงทุนแบบรายเดือน หรือ DCA (Dollar-Cost Averaging) เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดผลกระทบจากการลงทุนในจังหวะที่สภาวะตลาดมีราคาสูงเกินไปได้

2. มีเวลาเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อลดหย่อนภาษีมีให้เลือกหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ หรืออสังหาริมทรัพย์ แต่ละประเภทก็จะมีความเสี่ยงและผลตอบแทนต่างกัน การวางแผนตั้งแต่ต้นปีจะช่วยให้คุณมีเวลาในการศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบค่าธรรมเนียม และเลือกกองทุนตามเป้าหมายการเงินของคุณได้อย่างเหมาะสม

3. ลดภาระค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ช่วงปลายปี

การวางแผนตั้งแต่ช่วงต้นปี จะช่วยให้คุณสามารถทยอยลงทุนตลอดทั้งปีได้อย่างเหมาะสม ซึ่งต่างจากการลงทุนปลายปีที่อาจต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียว ซึ่งอาจกระทบต่อสภาพคล่องในช่วงเวลานั้น หรืออาจจะไม่มีเงินเพียงพอสำหรับการลงทุนก็ได้

4. ได้รับประโยชน์ผ่านผลตอบแทนระยะยาว

อีกหนึ่งของดีของการลงทุนในกองทุนรวม คือ มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีเมื่อลงทุนระยะยาว ดังนั้นการเริ่มลงทุนตั้งแต่ต้นปี คุณก็จะมีโอกาสได้ปล่อยให้เงินทำงานและได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่านั่นเอง

ทำความเข้าใจกับ RMF และ ThaiESG กองทุนตามเป้าหมายลดหย่อนภาษี

การลงทุนในกองทุนรวม RMF และ ThaiESG เป็นอีก 1 ช่องทางยอดนิยมสำหรับการลงทุนกองทุนตามเป้าหมายลดหย่อนภาษี พร้อมกับสร้างโอกาสผ่านการลงทุนระยะยาว ซึ่งมีรายละเอียดเพิ่มเติมที่ควรรู้ก่อนลงทุน คือ

1. กองทุน RMF (Retirement Mutual Fund)

กองทุน RMF หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนที่มีจุดประสงค์เพื่อช่วยส่งเสริมการออมเงินระยะยาวสำหรับการเกษียณ และ RMF ยังมีจุดเด่นในด้านความยืดหยุ่นของประเภทสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้ ตั้งแต่ตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ในต่างประเทศ

เงื่อนไขการลงทุน RMF

⦁ ลงทุนถึงอายุ 55 ปี ผู้ลงทุนในกองทุนรวม RMF ต้องถือครองกองทุนอย่างน้อย 5 ปี นับจากวันที่ซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก และจะขายคืนได้เมื่ออายุครบ 55 ปี
⦁ ลงทุนต่อเนื่องทุกปี กองทุน RMF ไม่มีเงื่อนไขจำนวนเงินขั้นต่ำในการลงทุน แต่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี หรือปีเว้นปี เพื่อรักษาสิทธิการลดหย่อนภาษี
⦁ จำนวนสูงสุดที่ลงทุนได้ สามารถลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ และต้องไม่เกิน 500,000 บาท และเมื่อนำไปรวมกับการออมและการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ
⦁ ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล

ประเภทสินทรัพย์ใน RMF

⦁ กองทุนตราสารหนี้ มีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเน้นความมั่นคงของเงินลงทุน
⦁ กองทุนผสม ลงทุนทั้งหุ้นและตราสารหนี้ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับความเสี่ยง
⦁ กองหุ้น เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง ซึ่งคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น
⦁ กองทุนสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ พลังงาน เป็นต้น

2. กองทุน ThaiESG (Environmental, Social, and Governance Fund)

กองทุน ThaiESG หรือกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน เป็นกองทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนในกิจการที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยใช้เกณฑ์ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) เป็นตัวคัดเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุน กองทุนนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสนับสนุนธุรกิจไทยที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม พร้อมทั้งได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี

หลักการ ESG

⦁ Environmental (สิ่งแวดล้อม) ลงทุนในบริษัทที่มีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานสะอาด หรือการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
⦁ Social (สังคม) สนับสนุนกิจการที่มีส่วนช่วยพัฒนาสังคม เช่น การดูแลพนักงาน การสนับสนุนชุมชน หรือการลดความเหลื่อมล้ำ
⦁ Governance (ธรรมาภิบาล) เน้นลงทุนในบริษัทที่มีการบริหารจัดการที่โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และไม่มีปัญหาทุจริต

เงื่อนไขการลงทุน ThaiESG

⦁ ลงทุนอย่างน้อย 5 ปี ผู้ลงทุนในกองทุนรวม ThaiESG ต้องถือครองกองทุนอย่างน้อย 5 ปี นับจากวันที่ซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก แต่ไม่มีเงื่อนไขที่ต้องลงทุนเพิ่มในปีถัดไป
⦁ จำนวนสูงสุดที่ลงทุนได้ สามารถลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ และต้องไม่เกิน 300,000 บาท
⦁ มีนโยบายจ่ายปันผล ลงทุนได้เฉพาะสินทรัพย์ภายในประเทศไทย และมีนโยบายจ่ายปันผลให้เลือก

ผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมลดหย่อนภาษี

1. กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน ผู้ลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เมื่อครบเงื่อนไข ซึ่งกำไรที่ได้จากการขายหน่วยลงทุน RMF และ ThaiESG จะไม่ต้องเสียภาษี
2. เงินปันผลจากกองทุน สำหรับกองทุน ThaiESG ที่มีการจ่ายเงินปันผล ผลตอบแทนที่ได้จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% และเป็น Final Tax

ลดหย่อนภาษี 2568 ผ่านแอปซื้อขายกองทุนรวม สะดวกกว่า

การลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีในปัจจุบันนี้ง่ายขึ้นมากด้วยแอปพลิเคชันซื้อขายกองทุนรวม ที่สามารถทำธุรกรรมได้สะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็น

⦁ การซื้อขาย หรือสับเปลี่ยนแบบออนไลน์ สามารถทำธุรกรรมได้ง่าย ๆ ผ่านมือถือตามเวลาทำการซื้อขายกองทุนนั้น ๆ
⦁ แสดงข้อมูลครบถ้วน ภายในแอปพลิเคชันมักจะมีข้อมูลที่ครบถ้วน เพื่อการติดตามพอร์ตการลงทุน
⦁ เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ ในบางแอปพลิเคชันจะมีบทความ บทวิเคราะห์ หรือคำแนะนำการลงทุนที่ตอบโจทย์เป้าหมายการเงินของคุณ

การวางแผนลดหย่อนภาษี 2568 ตั้งแต่ต้นปีจะช่วยให้คุณสามารถบริหารรายได้และภาษีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันก็สะดวกสบาย สามารถทำธุรกรรมผ่านแอปซื้อขายกองทุนรวมได้ ทำให้การลงทุนเพื่อการลดหย่อนภาษีกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้ ดังนั้นอย่ารอจนถึงปลายปี เริ่มต้นวางแผนตั้งแต่วันนี้ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินและประหยัดภาษีได้อย่างเต็มที่

ต้องการมืออาชีพช่วยเขียนบทความ? บริการเขียนบทความ คุณภาพสูง เน้นการปรับแต่งให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและบริการของคุณ!

เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วย บทความ SEO ที่ช่วยเพิ่มอันดับการค้นหาของเว็บไซต์ของคุณ

ติดต่อตอนนี้เพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณ


Spread the love