1 min read
“ทำฟีส” ก้าวแรกสู่ความสำเร็จ ก่อนควักกระเป๋าลงทุน
เราต้องพิจารณาถึง Feasibility ของโครงการก่อนตัดสินใจลงทุน หรือเราต้องทำ “ฟีส” ก่อนตัดสินใจลงทุนหลายคนคงเคยได้ยินประโยคเหล่านี้ในที่ประชุม แล้วความหมายของมันคืออะไร
ฟีส หรือ Feasibility Study เครื่องมือสำคัญช่วยให้นักลงทุนประเมินวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการก่อนตัดสินใจลงทุน
Feasibility หรือ ฟีส เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทาง ชี้แนะแนวทางสู่ความสำเร็จ ก่อนตัดสินใจลงทุน ฟีสเปรียบเสมือนการวางแผนอย่างรอบคอบ ประเมินความเป็นไปได้ของโครงการ ช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ ลดความเสี่ยงสูญเสีย
ทำไมฟีสถึงสำคัญ?
ลองจินตนาการว่า คุณกำลังวางแผนสร้างบ้านในฝัน แต่ละขั้นตอนล้วนสำคัญ ตั้งแต่การออกแบบ เลือกวัสดุ ก่อสร้าง ตกแต่ง แต่หากปราศจากการวางแผนที่ดี บ้านในฝันอาจกลายเป็นฝันร้าย! ฟีสทำหน้าที่วางรากฐานให้โครงการ เปรียบเสมือนการตรวจสุขภาพก่อนลงทุน ช่วยให้เราประเมิน 5 ปัจจัยหลัก ดังนี้
1.ความเป็นไปได้ทางเทคนิค: โครงการนี้สามารถทำได้จริงหรือไม่ เทคโนโลยีที่ใช้มีพร้อมหรือไม่
2.ความเป็นไปได้ทางการเงิน: โครงการนี้มีกำไรหรือไม่ เงินทุนเพียงพอหรือไม่
3.ความเป็นไปได้ทางการตลาด: มีกลุ่มลูกค้ารองรับหรือไม่ สินค้าหรือบริการของเราตรงกับความต้องการของตลาดหรือไม่
4.ความเป็นไปได้ทางกฎหมาย: โครงการนี้ถูกกฎหมายหรือไม่ มีใบอนุญาตครบถ้วนหรือไม่
5.ความเป็นไปได้ทางสิ่งแวดล้อม: โครงการนี้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่
แต่เราไม่จำเป็นต้องทำทั้ง 5 ข้อในทุกโครงการ การศึกษาฟีสขึ้นอยู่กับประเภท ขนาด ความซับซ้อน ความเสี่ยงของโครงการสำหรับโครงการ ขนาดเล็ก ความเสี่ยงต่ำ อาจ ไม่จำเป็น ต้องศึกษา ฟีส ทุก 5 ข้อ อย่างละเอียดอาจเลือกศึกษาเฉพาะประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้อง เช่น โครงการเปิดร้านขายของชำอาจไม่จำเป็นต้องศึกษา ฟีส ทางเทคนิคอย่างละเอียดแต่ควรศึกษาฟีสทางการตลาด อย่างละเอียด
ผลวิจัยจาก Harvard Business Review ชี้ว่า โครงการที่มีการศึกษาฟีสก่อนลงทุน มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า 80%
ฟีส เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทาง ช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ ลดความเสี่ยงสูญเสีย เปรียบเสมือนการวางรากฐานให้โครงการมั่นคง ก่อนลงทุน
Feasibility Study กับ Due Diligence ต่างกันอย่างไร?
Feasibility Study (ฟีส) และ Due Diligence (ดู ดิลิเจนซ์) เป็นเครื่องมือ สำคัญ สำหรับ การ ลงทุน แต่ มี วัตถุประสงค์ วิธีการ และ ผลลัพธ์ ที่แตกต่างกัน
Feasibility Study:
- วัตถุประสงค์: วิเคราะห์ ความเป็นไปได้ ของ โครงการ
- วิธีการ: ศึกษา ข้อมูล เบื้องต้น ประเมิน ความเสี่ยง โอกาส
- ผลลัพธ์: ข้อมูล สนับสนุน การ ตัดสินใจ ลงทุน
Due Diligence:
- วัตถุประสงค์: ตรวจสอบ ข้อมูล ของ โครงการ อย่างละเอียด
- วิธีการ: ตรวจสอบ เอกสาร ข้อมูล ทางการเงิน กฎหมาย สภาพ ของ สินทรัพย์
- ผลลัพธ์: ข้อมูล สำหรับ การ ตัดสินใจ ลงทุน และ เงื่อนไข การ ลงทุน
สรุป Feasibility Study (ฟีส) เน้นศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ส่วน Due Diligence (ดู ดิลิเจนซ์) เน้นตรวจสอบข้อมูลของโครงการอย่างละเอียด
Feasibility Study และ Due Diligence มีจุดประสงค์วิธีการและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
Feasibility Study:
- เน้น การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ
- ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นประเมินความเสี่ยงโอกาส
- ผลลัพธ์ข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจลงทุน
Due Diligence:
- เน้นการตรวจสอบข้อมูลของโครงการอย่างละเอียด
- ตรวจสอบเอกสารข้อมูลทางการเงินกฎหมายสภาพของสินทรัพย์
- ผลลัพธ์ข้อมูลสำหรับการตัดสินใจลงทุนและเงื่อนไขการลงทุน
ดังนั้น การ ทำ Feasibility Study และ Due Diligence ไม่ซ้ำซ้อนกันแต่เป็นการเสริมกัน
Feasibility Study ช่วยให้
- เข้าใจโครงการอย่างละเอียด
- ประเมินความเสี่ยงได้แม่นยำ
- กำหนดขอบเขตการตรวจสอบ Due Diligence ได้เหมาะสม
Due Diligence ช่วยให้
- ตรวจสอบข้อมูลของโครงการอย่างละเอียด
- มั่นใจว่าข้อมูลที่ได้ถูกต้องครบถ้วน
- ตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจ
สรุปการทำ Feasibility Study และ Due Diligence ร่วมกันช่วยให้นักลงทุนมี ขอมูลที่ครบถ้วนถูกต้องสำหรับการตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงได้
อมูลที่ต้องมีในการทำFeasibilityStudy(ฟีส)
FeasibilityStudyหรือฟีสเครื่องมือสำคัญช่วยให้นักลงทุนวิเคราะห์ประเมินความเป็นไปได้ของโครงการก่อนตัดสินใจลงทุน
ข้อมูลที่ต้องมีในการทำ Feasibility Study (ฟีส)
ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาฟีสแบ่งออกเป็น 5 ประเภท หลักดังนี้
1.ข้อมูลทั่วไป
- ชื่อโครงการ
- วัตถุประสงค์ของโครงการ
- กลุ่มเป้าหมาย
- สถานที่ตั้งโครงการ
- ขนาดของโครงการ
- ระยะเวลาของโครงการ
2.ข้อมูลทางการตลาด
- ขนาดของตลาด
- อัตราการเติบโตของตลาด
- คู่แข่ง
- กลยุทธ์ทางการตลาด
3.ข้อมูลทางเทคนิค
- เทคโนโลยีที่ใช้
- กระบวนการผลิต
- เครื่องจักรและอุปกรณ์
- วัตถุดิบ
4.ข้อมูลทางการเงิน
- เงินลงทุน
- รายได้
- ค่าใช้จ่าย
- จุดคุ้มทุน
- ระยะเวลาคืนทุน
5.ข้อมูลทางกฎหมาย
- กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- ใบอนุญาตสัญญา
นอกจากข้อมูล 5 ประเภทหลักข้างต้นแล้วอาจต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับประเภทขนาดความซับซ้อนของโครงการ
ข้อเสียในการทำ Feasibility Study (ฟีส)
Feasibility Study หรือ ฟีสเครื่องมือสำคัญช่วยให้นักลงทุนวิเคราะห์ประเมินความเป็นไปได้ของโครงการก่อนตัดสินใจลงทุนอย่างไรก็ตามการทำฟีสมีข้อเสียบางประการดังนี้
- เสียเวลา:การศึกษาฟีสต้องใช้เวลาศึกษาข้อมูลวิเคราะห์ประเมินซึ่งอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
- เสียค่าใช้จ่าย:การจ้างผู้เชี่ยวชาญศึกษาฟีสมีค่าใช้จ่ายซึ่งอาจสูงขึ้นอยู่กับประเภทขนาดความซับซ้อนของโครงการ
- ผลลัพธ์ไม่แน่นอน:การศึกษาฟีสเป็นเพียงการประเมินความเป็นไปได้ไม่สามารถรับประกันได้ว่าโครงการจะประสบความสำเร็จ
- ข้อมูลอาจไม่ครบถ้วน:ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาฟีสอาจไม่ครบถ้วนหรือถูกต้องซึ่งอาจส่งผลต่อความแม่นยำของผลลัพธ์
- ข้อมูลลับอาจรั่วไหล:ข้อมูลทางการเงินหรือข้อมูลทางธุรกิจที่ใช้ในการศึกษาฟีสอาจรั่วไหลได้
สรุปการทำฟีสมีข้อดีและข้อเสียนักลงทุนควรพิจารณาความเหมาะสมของการศึกษาฟีสให้เหมาะสมกับโครงการ
ต้องการมืออาชีพช่วยเขียนบทความ?
บริการเขียนบทความ คุณภาพสูง เน้นการปรับแต่งให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและบริการของคุณ!
เพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับในหน้าแรก ด้วย บทความ SEO ที่มีคุณภาพ ติดต่อเราเพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณวันนี้