1 min read
ทำไม “อาคารก่อนปี 2540” ในกรุงเทพฯ จึงเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวมากกว่าอาคารใหม่?
วิเคราะห์เชิงโครงสร้างหลังเหตุแผ่นดินไหว 7.7 ที่เมียนมา
แผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูดที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.10 น. ที่ผ่านมา ซึ่งมีจุดศูนย์กลางในประเทศเมียนมา ได้ส่งแรงสั่นสะเทือนเป็นวงกว้างมาถึงหลายจังหวัดของประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพมหานคร แม้จะอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางหลายร้อยกิโลเมตรก็ตาม แต่รายงานเบื้องต้นพบว่าหลายอาคารในเขตกรุงเทพฯ โดยเฉพาะเขตชั้นในอย่างพญาไท รัชดา และดินแดง มีแรงสั่นสะเทือนที่ชัดเจน และบางแห่งพบรอยร้าวขนาดเล็กในโครงสร้าง
คำถามสำคัญที่ผู้คนจำนวนมากเริ่มตั้งขึ้นในขณะนี้คือ:
ทำไมอาคารบางแห่งถึงสั่นมากกว่าที่คิด? และเหตุใดอาคารที่ก่อสร้างก่อนปี 2540 จึงถูกจัดเป็นกลุ่มเสี่ยง?
จุดเปลี่ยนสำคัญ: ปี 2540 กับการเริ่มใช้มาตรฐานแผ่นดินไหว
ก่อนปี 2540 ประเทศไทยยังไม่มี “ข้อกำหนดทางวิศวกรรม” ที่เกี่ยวข้องกับแรงแผ่นดินไหวในการออกแบบอาคารอย่างเป็นทางการ นั่นหมายความว่า
-
อาคารที่สร้างก่อนปี 2540 ส่วนใหญ่ไม่ได้ออกแบบ “ให้ต้านแรงแผ่นดินไหว”
-
ไม่มีการคำนวณค่าความเร่งแผ่นดินไหว (Seismic Load) หรือใช้วัสดุและข้อต่อที่มีคุณสมบัติลดแรงกระแทก
-
วิศวกรรมโครงสร้างในขณะนั้นเน้นแค่แรงลม น้ำหนักบรรทุก และความแข็งแรงเชิงสถิต
เมื่อเกิดแผ่นดินไหว แม้แรงจะไม่ได้รุนแรงเท่าประเทศญี่ปุ่นหรืออินโดนีเซีย แต่อาคารที่ไม่เคยถูกออกแบบให้รับแรงเฉือนหรือแรงสั่นสะเทือนในแนวขวางย่อมมีความเสี่ยงเสียหายมากกว่าปกติ
ข้อมูลทางสถิติและข้อเท็จจริง:
-
ประเทศไทยเริ่มมีการกำหนดมาตรฐานการออกแบบอาคารต้านแรงแผ่นดินไหวอย่างเป็นทางการในปี 2540 โดยเริ่มจากโครงการศึกษาของกรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมกับ JICA (Japan International Cooperation Agency)
แต่อาคารที่สร้างก่อนหน้านั้นไม่ได้ถูกบังคับให้ต้องมีโครงสร้างรองรับแรงสั่นสะเทือน -
จากการสำรวจโดย กรมโยธาธิการและผังเมือง (ปี 2562) พบว่า:
กว่า 80% ของอาคารในเขตกรุงเทพฯ สร้างก่อนปี 2540 และไม่ได้รับการปรับปรุงให้รองรับแรงแผ่นดินไหวตามมาตรฐานใหม่
-
รายงานวิจัยจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) ระบุว่า:
หากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.0–6.5 แมกนิจูด ที่ส่งแรงถึงกรุงเทพฯ อาคารที่ไม่ได้ออกแบบต้านแรงสั่นไหวมีโอกาสเสียหาย ระดับโครงสร้าง ถึง 30–50% โดยเฉพาะอาคารสูงหรือมี “Soft Story” ชั้นล่าง
-
รายงานของ JICA ปี 2013 ได้แบ่งกรุงเทพฯ ออกเป็น 3 โซนตามความเสี่ยง:
-
โซนสีแดง: พื้นที่ดินอ่อนชั้นลึก เช่น พญาไท ดินแดง ห้วยขวาง → ต้องใช้มาตรฐานออกแบบระดับสูง
-
โซนสีส้ม: พื้นที่ดินอ่อนระดับปานกลาง เช่น ลาดพร้าว บางกะปิ
-
โซนสีเขียว: พื้นที่ใกล้ฐานหิน เช่น ฝั่งธนบุรีบางส่วน มีแรงสั่นน้อยกว่าชั้นดินลึก
-
ปัจจัยเสริมความเสี่ยงในพื้นที่กรุงเทพฯ
-
ชั้นดินอ่อน (Soft Soil Amplification)
พื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะโซนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา มีชั้นดินเหนียวอ่อนหนาหลายสิบเมตร ซึ่งทำให้คลื่นแผ่นดินไหวถูก “ขยายความรุนแรง” ขึ้นกว่าที่แรงจากศูนย์กลางส่งมาโดยตรง ส่งผลให้อาคารสูง “แกว่ง” นานกว่าปกติ โดยเฉพาะอาคารที่ไม่มีระบบ damping หรือ core แข็งกลางอาคาร -
อาคารที่มีลักษณะฐานแคบ ชั้นล่างโล่ง (Soft Story Building)
อาคารพาณิชย์เก่า หรืออาคารที่มีที่จอดรถหรือร้านค้าโล่งชั้นล่างแต่มีห้องพักหลายชั้นด้านบน เป็นรูปแบบที่เสี่ยงต่อการวิบัติ (collapse) จากแรงสั่น เนื่องจากแรงเฉือนกระจุกอยู่ที่ชั้นล่าง -
การเสื่อมสภาพของวัสดุโครงสร้าง
อาคารอายุ 30–40 ปี มักมีการกัดกร่อนของเหล็กเสริม คอนกรีตแตกร้าว หรือรอยต่ออ่อนแรง หากไม่มีการบำรุงรักษาสม่ำเสมอ โอกาสเสียหายจากแรงแผ่นดินไหวยิ่งทวีคูณ
แล้วอาคารใหม่ดีกว่าอย่างไร?
หลังปี 2540 โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ยุคของ มาตรฐานการออกแบบโครงสร้างเพื่อรองรับแผ่นดินไหว (Seismic Design Code) เช่น มยผ.1302/2555 (ล่าสุดในบางพื้นที่) อาคารใหม่ต้องออกแบบโดย:
-
คำนวณแรงแผ่นดินไหวตามความเร่งเฉลี่ยที่คาดการณ์ได้ในพื้นที่
-
ใช้ข้อต่อและรายละเอียดเหล็กเสริมที่เพิ่มความเหนียวของโครงสร้าง (ductility)
-
มีระบบดูดซับพลังงาน เช่น shear wall, moment frame หรือ seismic joint
-
ควบคุมการเปลี่ยนรูปในแนวขวางไม่ให้เกินค่าที่ปลอดภัย
สรุป: ตรวจสอบอาคารของคุณก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
แม้กรุงเทพฯ จะไม่ใช่ศูนย์กลางของแผ่นดินไหว แต่ผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนข้ามประเทศ โดยเฉพาะผ่านชั้นดินอ่อน ย่อมทำให้อาคารเก่าเสี่ยงเสียหายได้ไม่แพ้พื้นที่เสี่ยงโดยตรง
หากคุณพักอาศัยหรือทำงานในอาคารที่ก่อสร้างก่อนปี 2540 ควรตรวจสอบว่าเคยผ่านการประเมินโครงสร้างจากวิศวกรหรือยัง โดยเฉพาะในอาคารสูงเกิน 5 ชั้น หรือมีชั้นล่างโล่ง
เพราะแม้แรงสั่นจะไม่ถึงขั้นพังถล่มในทันที แต่อาจเกิดความเสียหายสะสมจนเป็นอันตรายได้ในอนาคต
ต้องการมืออาชีพช่วยเขียนบทความ?
บริการเขียนบทความ คุณภาพสูง เน้นการปรับแต่งให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและบริการของคุณ!
เพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับในหน้าแรก ด้วย บทความ SEO ที่มีคุณภาพ ติดต่อเราเพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณวันนี้