1 min read
ข้อผิดพลาดทั่วไปในการเขียนบทความ SEO คืออะไรและวิธีแก้ไข
การเขียนบทความ SEO คือเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ปรากฏบนหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา อย่างไรก็ตาม หลายครั้งเรามักพบข้อผิดพลาดที่ทำให้บทความไม่ได้ผลตามที่หวัง หรืออาจถูกมองเป็นสแปมจาก Google ส่งผลให้เสียเวลาและทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์
ในเนื้อหานี้เราจะพามาดูข้อผิดพลาดยอดนิยมที่ผู้เขียนบทความ SEO มักเผลอพลาด พร้อมวิธีแก้ไขแบบง่าย ๆ ที่ใครก็ทำตามได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เริ่มต้นหรือมือโปรก็สามารถนำไปปรับใช้เพื่อยกระดับคุณภาพบทความของตัวเองได้ทันที การเข้าใจข้อผิดพลาดและเรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยง จะช่วยให้บทความ SEO ของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้อ่าน และเป็นมิตรกับอัลกอริทึมของ Google
ผู้เขียนบทความ SEO มักเผลอพลาดในการเขียนบทความ
- ละเลยการวิจัยคีย์เวิร์ด
การวิจัยคีย์เวิร์ดคือขั้นตอนแรกที่สำคัญสุด แต่หลายคนมักข้ามไปเขียนเนื้อหาตามที่คิดเอาเอง ทำให้บทความไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้งานค้นหา
- วิธีแก้ไข: ใช้เครื่องมือฟรีหรือเสียค่าใช้จ่าย เช่น Google Keyword Planner, Ubersuggest หรือ Ahrefs เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดหลัก (Main Keyword) และคีย์เวิร์ดลูก (LSI Keywords) ที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจัดลำดับความสำคัญตามปริมาณการค้นหาและความยากง่ายในการแข่งขัน
- ตัวอย่าง: หาก Main Keyword คือ “เขียนบทความ SEO” ให้เพิ่ม LSI Keywords อย่าง “เทคนิคเขียนบทความ SEO” “การเลือกคีย์เวิร์ด” “การทำ SEO บทความ” เพื่อกระจายคีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาติ
- การยัดคีย์เวิร์ดมากเกินไป (Keyword Stuffing)
หลายคนเชื่อว่าการใส่คีย์เวิร์ดเยอะๆ จะช่วยให้ติดอันดับเร็วขึ้น แต่จริง ๆ แล้ว Google อาจมองว่าเป็นสแปมและลงโทษบทความของคุณ
- วิธีแก้ไข: ใส่คีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาติ กระจายในส่วนต่าง ๆ ของบทความ เช่น หัวข้อหลัก หัวข้อย่อย ย่อหน้าแรก และย่อหน้าสุดท้าย แต่ไม่ควรเกิน 1–2% ของจำนวนคำทั้งหมด
- เคล็ดลับ: ใช้คำพ้องความหมาย (synonyms) และประโยคที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำให้เนื้อหาอ่านลื่นไหล ไม่รู้สึกฝืน
- โครงสร้างเนื้อหาไม่ชัดเจน
บทความที่ไม่มีหัวข้อย่อย หรือจัดลำดับเนื้อหาไม่ดี ทำให้ผู้อ่านสับสนและเข้าใจเนื้อหาได้ยาก อีกทั้งอัลกอริทึมของ Google ก็ให้ความสำคัญกับโครงสร้าง (Structure) ที่ชัดเจน
- วิธีแก้ไข: แบ่งบทความเป็นหัวข้อหลัก (H2) หัวข้อย่อย (H3) อย่างน้อย 2 ระดับ จัดเรียงเนื้อหาให้เป็นขั้นตอน เช่น ปัญหา → สาเหตุ → วิธีแก้ไข → ตัวอย่างประกอบ
- ตัวอย่างโครงสร้าง:
- บทนำ
- ข้อผิดพลาดที่ 1: ละเลยการวิจัยคีย์เวิร์ด
- ข้อผิดพลาดที่ 2: การยัดคีย์เวิร์ดมากเกินไป
- ข้อผิดพลาดที่ 3: โครงสร้างเนื้อหาไม่ชัดเจน
- ข้อผิดพลาดที่ 4: ไม่ใส่ Meta Tags
- สรุป
- ไม่ให้ความสำคัญกับ Meta Tags และคำอธิบาย (Meta Description)
Meta Title และ Meta Description คือสิ่งแรกที่ผู้ค้นหาเห็น หากไม่ใส่หรือเขียนไม่ดี จะลดอัตราการคลิกเข้าอ่าน (CTR) ลงอย่างมาก
- วิธีแก้ไข:
- Meta Title: ควรมีคีย์เวิร์ดหลัก และไม่เกิน 50–60 ตัวอักษร
- Meta Description: อธิบายสั้น ๆ ให้ชัดเจน ภายใน 150–160 ตัวอักษร ใส่ Call to Action เช่น “อ่านเพิ่มเติม” “คลิกเลย”
บทความ SEO ที่มีคุณภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใส่คีย์เวิร์ดให้มากที่สุด แต่คือการสร้างประสบการณ์การอ่านที่ดีให้ผู้ใช้งานพร้อมสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของเครื่องมือค้นหา การหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไป เช่น การละเลยการวิจัยคีย์เวิร์ด การยัดคีย์เวิร์ดมากเกินไป โครงสร้างเนื้อหาไม่ชัดเจน และการมองข้าม Meta Tags จะช่วยให้บทความของคุณทั้งน่าสนใจและเป็นมิตรกับ Google มากขึ้น เริ่มต้นด้วยการวางแผนคีย์เวิร์ดให้ถูกต้อง จัดโครงสร้างหัวข้อย่อยอย่างเป็นระบบ และเขียน Meta Title กับ Meta Description ให้โดดเด่น เมื่อทำครบทุกขั้นตอนแล้ว อย่าลืมตรวจทานบทความทั้งในด้านการสะกดคำ ความลื่นไหลของประโยค และความสอดคล้องระหว่างเนื้อหา เพื่อให้ผู้อ่านได้ประโยชน์สูงสุด นำแนวทางเหล่านี้ไปปรับใช้ แล้วคุณจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีทั้งในด้านอันดับบนหน้าค้นหาและจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
ต้องการมืออาชีพช่วยเขียนบทความ?
บริการเขียนบทความ
คุณภาพสูง เน้นการปรับแต่งให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและบริการของคุณ!
เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วย
บทความ SEO
ที่ช่วยเพิ่มอันดับการค้นหาของเว็บไซต์ของคุณ
ติดต่อเราตอนนี้เพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณ!