Spread the love

1 min read

ระวังการเลือกตั้งครั้งหน้า! 7 สัญญาณที่พรรคการเมือง อาจกำลังลวงคุณ

cognitive-dissonamc

คุณเคยรู้สึกแบบนี้ไหม? ไม่ว่าจะดูข่าว ดูโทรทัศน์ หรือหยิบมือถือขึ้นมา คุณจะเห็นแต่พรรคการเมืองหรือผู้สมัครที่คุณเชียร์อยู่ตลอดเวลา แต่บางครั้งก็จะเห็นข่าวโจมตีพรรคการเมืองหรือผู้สมัครที่คุณชอบ ข้อมูลเหล่านั้นบางครั้งขัดแย้งกับความคิดเดิมของคุณ หรือสอดคล้องกับสิ่งที่คุณคิดอยู่แล้ว นักการเมืองรู้วิธีทำให้คนเชื่อและโน้มน้าวให้คุณเห็นด้วยกับพวกเขา

สิ่งสำคัญไม่ใช่สิ่งที่พรรคการเมืองหรือผู้สมัครพูดหรือทำ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเพราะอะไรตัวคุณถึงคิดเช่นนั้น การรับรู้และเข้าใจเหตุผลของตัวเองจะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการเมือง และการตัดสินใจที่มีข้อมูลครบถ้วนและเป็นกลาง

ตรวจสอบสัญญาณที่ชัดเจนว่าคุณมีโอกาสที่กำลังถูกลวงหรือไม่

  • เราฟังข้อมูลจากข่าวหรือสื่อต่างๆ หากตรงกับความคิดเดิมของเรามักคิดว่าว่าสิ่งนั้นถูกต้อง
  • เราไม่รับฟังข้อมูลจากแหล่งที่คิดต่างจากเรา เพราะคิดว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง พอฟังหรืออ่านเกิดความรู้สึกไม่พอใจ
  • เราใช้ความเชื่อ สิ่งที่ได้ยินมา เห็นมา หรือบอกต่อกันมา มากกว่าหลักฐานที่ชัดเจน
  • เราให้ความสำคัญกับความคิดเดิมของเรา โดยพยายามหาหลักฐานเพื่อลบความขัดแย้งในใจ หรือแม้แต่ลงท้ายด้วยคำว่าเค้าโดนแกล้ง
  • เราให้ความสำคัญกับข่าว หรือการพูดคุยที่เป็นข้อมูลชั้นความลับ หรือไม่สามารถเปิดเผยได้
  • เราเชื่อว่าไม่ว่าพรรคการเมืองหรือผู้สมัครที่คุณเชียร์อยู่จะทำอะไรก็ตามเป็นสิ่งที่ถูกต้องและต้องมีการเสียสละเพราะต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
  • เราเชื่อในข้อความ ภาพ หรือวิดีโอที่เห็นจากแหล่งที่ไม่สามารถตรวจสอบได้และคิดว่าเป็นจริง
  • เรามักให้ความสำคัญกับสิ่งที่ได้ยินมาทั้งๆที่เรื่องนั้นอาจถูกแค่คริ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งให้เราเข้าใจไปเอง

จิตวิทยา 7 สัญญาณที่คุณอาจกำลังถูกลวง

1.การยืนยันความเชื่อเดิม (Confirmation Bias):

  • สัญญาณ: คุณเชื่อข่าวที่สนับสนุนความคิดเดิมของคุณ และไม่สนใจข่าวที่ขัดแย้ง
  • ตัวอย่าง: เมื่อมีคนบอกว่านักการเมืองที่คุณชอบไม่ดี คุณอาจไม่เชื่อและคิดว่า “ไม่จริง เขาทำดีมากแต่ต้องมีอะไรผิดพลาด”

2.ผลกระทบจากความจริงปลอม (Illusory Truth Effect):

  • สัญญาณ: คุณเชื่อข่าวที่ได้ยินบ่อยๆ แม้ว่าอาจจะไม่จริง
  • ตัวอย่าง: ถ้ามีข่าวบอกว่านักการเมืองคนนี้ช่วยคนจน คุณอาจจะเชื่อเพราะได้ยินบ่อย

3.ผลกระทบจากห้องเสียงสะท้อน (Echo Chamber Effect):

  • สัญญาณ: คุณอยู่ในกลุ่มที่ทุกคนคิดเหมือนกัน ทำให้คุณเชื่อในสิ่งที่คุณคิดมากขึ้น
  • ตัวอย่าง: ถ้าคุณอ่านข่าวจากแหล่งที่มักจะเขียนสนับสนุนนักการเมืองคนเดิม คุณก็จะยิ่งเชื่อในความคิดของตัวเองมากขึ้น

4.ความไม่สอดคล้องกันทางความคิด (Cognitive Dissonance):

  • สัญญาณ: คุณรู้สึกไม่สบายใจเมื่อมีข้อมูลขัดแย้งกับความคิดเดิม และพยายามหาข้อแก้ตัว
  • ตัวอย่าง: ถ้าคุณได้ยินว่านักการเมืองที่คุณชอบทำผิด คุณอาจบอกว่า “พวกเขาถูกบังคับให้ทำ”

5.ผลกระทบจากการตามกระแส (Bandwagon Effect):

  • สัญญาณ: คุณมักทำหรือเชื่อในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำหรือเชื่อ แม้ว่าไม่ได้ตรวจสอบข้อมูล
  • ตัวอย่าง: ถ้าเพื่อนๆ ทุกคนชอบนักการเมืองคนหนึ่ง คุณก็อาจจะชอบนักการเมืองคนนั้นด้วย

6.การประเมินค่าจากความหายาก (Scarcity Heuristic):

  • สัญญาณ: คุณให้ค่ากับสิ่งที่หายากมากกว่าสิ่งที่หาได้ทั่วไป
  • ตัวอย่าง: ถ้ามีนักการเมืองที่พูดเรื่องความลับของรัฐบาล คุณอาจเชื่อว่าข้อมูลนั้นสำคัญ

7.การประเมินค่าจากความทรงจำ (Availability Heuristic):

  • สัญญาณ: คุณให้ความสำคัญกับข่าวที่จำได้ง่ายหรือเห็นบ่อยๆ
  • ตัวอย่าง: ถ้าคุณเห็นนักการเมืองคนหนึ่งในข่าวบ่อยๆ คุณอาจคิดว่านักการเมืองคนนั้นสำคัญและเก่ง

ในทางการเมือง ความไม่สอดคล้องกันทางความคิด (Cognitive Dissonance) อาจทำให้ผู้คนปฏิเสธข้อมูลที่ขัดแย้งกับความเชื่อของตน หรือหาเหตุผลเพื่อปรับความเชื่อของตนให้สอดคล้องกับการกระทำหรือข้อมูลใหม่ที่ได้รับ การเข้าใจและระวังสัญญาณเหล่านี้จะช่วยให้เรามีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจโดยมีข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นกลางมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งที่มีความหมายและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ


รู้ทั้ง 7 ข้อนี้แล้ว คุณก็อาจโดนลวงเช่นเดิม

ความยากของเรื่องนี้คือมันเป็นเรื่องปกติที่สมองของเราจะคิดและประมวลผลข้อมูลในลักษณะที่มักจะเอาหลายๆ ข้อมารวมกัน ความคิดของเรามักจะถูกหล่อหลอมจากประสบการณ์ ความเชื่อ และข้อมูลที่เราได้รับ ซึ่งมักจะทำให้เกิดการยืนยันความเชื่อเดิม (Confirmation Bias) หรือผลกระทบจากการตามกระแส (Bandwagon Effect) เป็นต้น

สมองของเรามีแนวโน้มที่จะหาข้อมูลที่สนับสนุนความเชื่อเดิม และปฏิเสธข้อมูลที่ขัดแย้งกับความคิดเดิม ทำให้เรามักจะเห็นสิ่งที่ต้องการเห็นและเชื่อในสิ่งที่สอดคล้องกับความคิดของเรา การประมวลผลเช่นนี้เป็นกลไกทางจิตวิทยาที่ช่วยให้สมองของเราจัดการกับข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็อาจทำให้เรามองข้ามข้อมูลที่สำคัญและเป็นกลางไป

เพื่อให้การตัดสินใจของเรามีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นกลาง ควรมีการตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือหลายๆ แหล่ง รวมถึงการเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย แม้ว่าบางครั้งอาจจะขัดแย้งกับความเชื่อเดิมของเรา การทำเช่นนี้จะช่วยให้เรามีความเข้าใจที่ลึกซึ้งและรอบด้านมากยิ่งขึ้น


เราคิดถูก และคนที่ไม่เห็นด้วยกับเราคิดผิด

ความรู้สึกว่าเราคิดถูกและคนอื่นคิดผิด เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในทางจิตวิทยา ซึ่งเรียกว่า “ความมั่นใจเกินจริง” (Overconfidence Bias) หรือการที่เรามักมั่นใจในความคิดและการตัดสินใจของตัวเองมากเกินไป โดยเชื่อว่าความคิดของเราถูกต้องและแม่นยำกว่าคนอื่น

สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากสมองของเรามีแนวโน้มที่จะ:

1.ยืนยันความเชื่อเดิม (Confirmation Bias) : มองหาข้อมูลที่สนับสนุนความเชื่อของตัวเอง และมองข้ามหรือปฏิเสธข้อมูลที่ขัดแย้ง

2.ความมั่นใจเกินจริง (Overconfidence Bias): มั่นใจในความสามารถและการตัดสินใจของตัวเองมากเกินไป โดยเชื่อว่าตัวเองมีความรู้และเข้าใจมากกว่าคนอื่น

การที่เรามั่นใจในความคิดของตัวเองมากเกินไปอาจทำให้เราตกม้าตายหรือพลาดท่าในสถานการณ์ที่สำคัญได้ เนื่องจากเราอาจมองข้ามข้อเท็จจริงหรือข้อมูลที่มีความสำคัญ ซึ่งอาจทำให้การตัดสินใจของเราไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์

การเปิดใจรับฟังข้อมูลจากทุกด้านโดยไม่รู้สึกว่าขัดกับสิ่งที่เราคิด เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและสามารถช่วยป้องกันการถูกลวงได้ นี่คือเหตุผลที่การเปิดใจรับฟังและการตรวจสอบข้อมูลจากหลายๆ แหล่งเป็นสิ่งสำคัญ:

1.เปิดใจรับฟังข้อมูลจากทุกด้าน: การฟังข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายหรือจากหลายแหล่งข้อมูลจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมและเข้าใจมุมมองที่หลากหลาย ไม่ใช่เพียงแค่ข้อมูลที่สนับสนุนความคิดของเราเท่านั้น

2.ลดอคติส่วนตัว: เมื่อเรารับฟังข้อมูลที่ขัดแย้งกับความคิดของเราโดยไม่ปฏิเสธทันที เพราะจริงๆเราก็ไม่รู้ว่าอะไรจริงไม่จริง เราก็ได้ข้อมูลจากแหล่งอื่นมาอื่นที หากเราฟังจะช่วยลดอคติที่มีต่อข้อมูลใหม่และเปิดโอกาสให้เราพิจารณาอย่างรอบคอบ

3.พัฒนาการคิดวิเคราะห์: การรับฟังข้อมูลจากทุกด้านจะช่วยให้เราพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล ทำให้เรามีการตัดสินใจที่มีเหตุผลและมีข้อมูลครบถ้วน

การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราห่างไกลจากการถูกลวง แต่ยังช่วยให้เรามีมุมมองที่กว้างขึ้นและเข้าใจสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น ดังนั้น การเปิดใจรับฟังข้อมูลจากทุกด้านและพิจารณาอย่างเป็นกลางเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาความเข้าใจและการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ


การเอาชนะความโน้มเอียงทางจิตวิทยาเป็นเรื่องที่ต้องฝึก

ถึงแม้เราจะพยายามเปิดใจฟังทุกฝ่าย หาข้อมูล และวิเคราะห์หลักฐานอย่างเต็มที่ เราก็ยังคงมีความโน้มเอียงทางจิตวิทยาที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของเรา นี่เป็นเพราะธรรมชาติของสมองมนุษย์ที่มีแนวโน้มในการประมวลผลข้อมูลอย่างมีอคติ โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว การเอาชนะความโน้มเอียงทางจิตวิทยานั้นต้องอาศัยการฝึกฝนและการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง

การรับรู้และเข้าใจว่าความโน้มเอียงทางจิตวิทยาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการคิดของเรา เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยลดผลกระทบของมันได้ ตัวอย่างบางประการของแนวทางที่สามารถช่วยลดความโน้มเอียงนี้ได้ ได้แก่:

1.การตระหนักถึงความลำเอียง (Awareness of Bias): การรู้ตัวว่าเรามีแนวโน้มที่จะมีความลำเอียงทางจิตวิทยาจะช่วยให้เราระมัดระวังมากขึ้นในการวิเคราะห์ข้อมูล

2.การฝึกการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking): การฝึกการคิดเชิงวิพากษ์ช่วยให้เรามีทักษะในการวิเคราะห์และประเมินข้อมูลอย่างมีเหตุผลและเป็นกลาง

3.การหาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้และหลากหลาย (Seeking Diverse and Reliable Sources): การหาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้และมีความหลากหลายจะช่วยให้เราได้รับมุมมองที่ครบถ้วนและเป็นกลางมากขึ้น

4.การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง (Open-Mindedness): การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างจากความเชื่อของเรา แม้ว่าจะขัดแย้งกับสิ่งที่เราเชื่อ จะช่วยให้เราได้รับข้อมูลที่ครอบคลุมมากขึ้น

5.การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น (Engaging in Dialogue): การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่มีมุมมองที่แตกต่างจากเรา จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมและเข้าใจมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น

6.การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (Fact-Checking): การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่เราได้รับจากแหล่งต่างๆ จะช่วยให้เรามั่นใจว่าข้อมูลที่เรานำมาใช้ในการตัดสินใจนั้นถูกต้องและเป็นกลาง

แม้ว่าเราจะไม่สามารถกำจัดความโน้มเอียงทางจิตวิทยาได้ทั้งหมด แต่การฝึกฝนและพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และการเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายจะช่วยลดผลกระทบของมันได้อย่างมีนัยสำคัญ

ความยากลำบากในการแยกแยะว่าข้อมูลใดถูกต้องหรือผิดพลาดนั้นมาจากหลายปัจจัย ทั้งความซับซ้อนของข้อมูลทางการเมือง ความลำเอียงทางจิตวิทยา และการกระจายข้อมูลที่ไม่เป็นกลางในสื่อ อย่างไรก็ตามอย่านำเรื่องเหล่านี้มาทำให้เกิดความขัดแย้งในการทำงาน ครอบครัว เพื่อน หากเป็นเช่นชั้นคุณก็กำลังตกอยู่ในการโดนลวงอย่างไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ


หลักธรรมในศาสนาพุทธ

1.กาลามสูตร (Kalama Sutta): กาลามสูตร หรือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ประทานให้แก่ชาวกาลามะที่มาเฝ้าถามถึงวิธีการตัดสินใจในสิ่งที่ควรเชื่อหรือไม่เชื่อ โดยพระพุทธเจ้าได้แนะนำว่า

  • อย่าเชื่อเพียงเพราะได้ยินซ้ำๆ
  • อย่าเชื่อเพียงเพราะเป็นคำบอกเล่าของผู้ใหญ่หรือผู้มีอำนาจ
  • อย่าเชื่อเพียงเพราะเป็นตำราเก่าแก่
  • แต่ให้พิจารณาด้วยตนเองว่าเป็นความจริงหรือไม่ และเป็นประโยชน์หรือไม่

2.สติปัฏฐาน (Satipatthana): การมีสติรู้ตัวและพิจารณาในทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจและรอบตัวเรา เพื่อให้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนจะเชื่อหรือปฏิเสธข้อมูลใดๆ


ความเห็นจากนักจิตวิทยาและนักคิด

นักจิตวิทยาและนักคิดชื่อดังหลายท่านที่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการยืนยันความเชื่อเดิมและผลกระทบทางจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ตัวอย่างเช่น:

1.แดเนียล คาห์เนมาน (Daniel Kahneman) – นักจิตวิทยาและนักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบล ได้กล่าวถึง “ความลำเอียงในการยืนยัน” (Confirmation Bias) ในหนังสือ “Thinking, Fast and Slow” ของเขา เขาอธิบายว่าเรามักจะมองหาข้อมูลที่สนับสนุนความเชื่อเดิมของเราและมองข้ามหรือปฏิเสธข้อมูลที่ขัดแย้ง

2.จอร์จ ออร์เวลล์ (George Orwell)นักเขียนและนักคิด ได้กล่าวถึงผลกระทบของ “ห้องเสียงสะท้อน” (Echo Chamber) ในบทความและหนังสือของเขา โดยเฉพาะใน “1984” ซึ่งเขาได้แสดงให้เห็นถึงอำนาจของการควบคุมข้อมูลและการส่งเสริมความเชื่อที่ไม่มีข้อสงสัย

3.ริชาร์ด เฮอร์นสไตน์ และ ชาลส์ เมอร์เรย์ (Richard Herrnstein and Charles Murray) – ในหนังสือ “The Bell Curve” ของพวกเขาได้กล่าวถึง “ผลกระทบจากการตามกระแส” (Bandwagon Effect) โดยระบุว่าผู้คนมักจะทำตามหรือเชื่อในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำหรือเชื่อ แม้ว่าไม่ได้ตรวจสอบข้อมูล

4.สตีเวน พิงเกอร์ (Steven Pinker) – นักจิตวิทยาและนักคิดที่ได้รับการยอมรับ ได้กล่าวถึง “ผลกระทบจากความทรงจำ” (Availability Heuristic) ในหนังสือของเขา “The Better Angels of Our Nature” โดยอธิบายว่าผู้คนมักจะให้ความสำคัญกับข่าวที่จำได้ง่ายหรือเห็นบ่อยๆ

การเข้าใจถึงความลำเอียงทางจิตวิทยาเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถระวังและตรวจสอบการรับข้อมูลของเราได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้การตัดสินใจทางการเมืองของเราเป็นไปอย่างมีข้อมูลครบถ้วนและเป็นกลาง


แหล่งอ้างอิง

  1. Confirmation Bias – Wikipedia
  2. Illusory Truth Effect – Wikipedia
  3. Echo Chamber Effect – Wikipedia
  4. Cognitive Dissonance – Wikipedia
  5. Bandwagon Effect – Wikipedia
  6. Scarcity Heuristic – Wikipedia
  7. Availability Heuristic – Wikipedia
  8. Overconfidence Bias – Wikipedia

ต้องการมืออาชีพช่วยเขียนบทความ? บริการเขียนบทความ คุณภาพสูง เน้นการปรับแต่งให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและบริการของคุณ!

เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วย บทความ SEO ที่ช่วยเพิ่มอันดับการค้นหาของเว็บไซต์ของคุณ

ติดต่อตอนนี้เพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณ

นกเหยี่ยว

นามปากกา: นกเหยี่ยว (Falcon)

ความรู้คือปีกที่พาเราโบยบิน ความคิดคือท้องฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด จบการศึกษาปริญญาโทด้านวรรณคดีจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย รักการเขียนและการศึกษาข้อมูลใหม่ ๆ มีประสบการณ์การเขียนบทความกว่า 8 ปี เชี่ยวชาญในการเขียนบทความ SEO และการใช้สื่อสังคมออนไลน์ แรงบันดาลใจในการเขียนเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในสังคมและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์

LINE OA: @writerid


Spread the love