1 min read
แจ้งเตือน PM 2.5 เข้าทางผิวหนังได้
PM 2.5 คือฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน ฝุ่นละอองเหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งทางผิวหนังและการหายใจ โดยทางผิวหนังจะเข้าสู่ร่างกายได้โดยการสัมผัสโดยตรงกับผิวหนัง หรือผ่านรูขุมขนและต่อมเหงื่อ PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้หลายประการ รวมถึงสุขภาพผิวด้วย การศึกษาวิจัยพบว่า PM 2.5 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคผิวหนังต่างๆ เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคภูมิแพ้ผิวหนัง และมะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้ PM 2.5 ยังอาจทำให้ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย เกิดผื่นคัน เกิดสิว เกิดฝ้า เกิดกระ และทำให้ผิวแก่เร็วขึ้น
การศึกษาวิจัยพบว่าการเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังจะมีปริมาณน้อยกว่าการเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ โดยการศึกษาวิจัยหนึ่งพบว่าปริมาณ PM 2.5 ที่เข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังจะอยู่ที่ประมาณ 10% ของปริมาณที่เข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ
แม้ว่าการเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังจะมีปริมาณน้อยกว่าการเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ แต่ PM 2.5 ที่เข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังก็ยังสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้เช่นกัน โดยอาจก่อให้เกิดอาการต่างๆ เช่น
การอักเสบของผิวหนังจาก PM 2.5
- ผิวแห้ง
- ผิวแพ้ง่าย
- เกิดผื่นคัน
- เกิดสิว
- เกิดฝ้า
- เกิดกระ
- เกิดมะเร็งผิวหนัง
นอกจากนี้ การศึกษาวิจัยยังพบว่า PM 2.5 ยังสามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยการซึมผ่านผิวหนัง โดยอาจก่อให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะอื่นๆ ในร่างกายได้ เช่น
- หัวใจ
- ปอด
- สมอง
- ระบบประสาท
- ระบบภูมิคุ้มกัน
ดังนั้น ถึงแม้ว่า PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังจะมีปริมาณน้อยกว่าการเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ แต่ก็ยังควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับฝุ่นละออง PM 2.5 เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อร่างกาย
การหลีกเลี่ยงการสัมผัส PM 2.5 ทางผิวหนังสามารถทำได้โดยปฏิบัติตามวิธีต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 สูง คุณสามารถตรวจสอบระดับ PM 2.5 ในพื้นที่ของคุณได้จากเว็บไซต์ของกรมควบคุมมลพิษหรือแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ
- สวมหน้ากากหรือเครื่องช่วยหายใจเมื่อคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 สูง หน้ากากหรือเครื่องช่วยหายใจจะช่วยกรองฝุ่นละออง PM 2.5 ไม่ให้เข้าสู่ร่างกายของคุณ
- ล้างมือและใบหน้าบ่อยๆ ฝุ่นละออง PM 2.5 สามารถเกาะติดกับมือและใบหน้าของคุณได้ การล้างมือและใบหน้าบ่อยๆ จะช่วยขจัดฝุ่นละออง PM 2.5 ออกจากร่างกายของคุณ
- อาบน้ำหรืออาบน้ำหลังอยู่กลางแจ้งในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 สูง การอาบน้ำหรืออาบน้ำจะช่วยขจัดฝุ่นละออง PM 2.5 ออกจากร่างกายของคุณ
นอกจากนี้ คุณยังสามารถป้องกันอันตรายจาก PM 2.5 ทางผิวหนังได้โดยการบำรุงผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยอาจทาครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี สารสกัดจากชาเขียว หรือสารสกัดจากผลเบอร์รี่
คำแนะนำเพิ่มเติม
- หากมีอาการผิดปกติของผิวหนัง เช่น มีอาการคัน แดง หรือบวม ควรรีบไปพบแพทย์
- เด็กและผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่ออันตรายจาก PM 2.5 ทางผิวหนังมากกว่าผู้ใหญ่ จึงควรดูแลเป็นพิเศษ
PM 2.5 สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งทางผิวหนังและการหายใจ การเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังจะมีปริมาณน้อยกว่าการเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ แต่ก็ยังก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับฝุ่นละออง PM 2.5 ทางผิวหนัง โดยปฏิบัติตามวิธีข้างต้น
โรคที่อาจเกิดขึ้นจาก PM 2.5 ทางผิวหนัง
จากการศึกษาวิจัยพบว่า PM 2.5 ที่เข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังอาจก่อให้เกิดโรคได้ดังนี้
- โรคผิวหนัง
PM 2.5 สามารถก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนังได้ โดยอาจทำให้ผิวแห้ง คัน แดง บวม หรือเกิดผื่นต่างๆ เช่น ผื่นคัน ผื่นแพ้ ผื่นอักเสบเรื้อรัง เป็นต้น นอกจากนี้ PM 2.5 ยังอาจทำให้ผิวแก่เร็วขึ้น เกิดจุดด่างดำ ฝ้า กระ หรือมะเร็งผิวหนังได้
ข้อมูลทางสถิติ
จากการศึกษาวิจัยพบว่า PM 2.5 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคผิวหนังต่างๆ ดังนี้
- โรคสะเก็ดเงิน การศึกษาวิจัยพบว่าผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 สูง จะมีความรุนแรงของโรคมากกว่าผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 ต่ำ
- โรคภูมิแพ้ผิวหนัง การศึกษาวิจัยพบว่าเด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 สูง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ผิวหนังมากกว่าเด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 ต่ำ
- มะเร็งผิวหนัง การศึกษาวิจัยพบว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 สูง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังมากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 ต่ำ
นอกจากนี้ การศึกษาวิจัยยังพบว่า PM 2.5 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอื่นๆ ดังนี้
- โรคหัวใจและหลอดเลือด การศึกษาวิจัยพบว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 สูง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง มากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 ต่ำ
- โรคปอด การศึกษาวิจัยพบว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 สูง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคปอดเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง มากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 ต่ำ
- โรคสมอง การศึกษาวิจัยพบว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 สูง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อม เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน มากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 ต่ำ
- โรคระบบประสาท การศึกษาวิจัยพบว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 สูง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัมพาต โรคสมองเสื่อม มากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 ต่ำ
- โรคระบบภูมิคุ้มกัน การศึกษาวิจัยพบว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 สูง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดเชื้อต่างๆ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม มากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 ต่ำ
ระดับ PM 2.5 ที่แนะนำสำหรับการป้องกันที่แตกต่างกัน
-
ระดับที่ปลอดภัย : 25 µg/m3
-
ระดับที่ต้องระมัดระวัง : 35 µg/m3
-
ระดับที่ควรหลีกเลี่ยง : 50 µg/m3
-
ระดับอันตราย : 100 µg/m3
ข้อมูลอ้างอิง
- WHO: Air quality guidelines for particulate matter, ozone, nitrogen dioxide, sulfur dioxide and lead
จากข้อมูลทางสถิติข้างต้น แสดงให้เห็นว่า PM 2.5 อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้หลายประการ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับ PM 2.5 ทางผิวหนัง โดยปฏิบัติตามวิธีป้องกันดังที่กล่าวไว้ข้างต้น
เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญงานเขียน
นามปากกา : นกเหยี่ยว
ต้องการมืออาชีพช่วยเขียนบทความ? บริการเขียนบทความ คุณภาพสูง เน้นการปรับแต่งให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและบริการของคุณ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วย บทความ SEO ที่ช่วยเพิ่มอันดับการค้นหาของเว็บไซต์ของคุณ ติดต่อตอนนี้เพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณ