1 min read
ปวดหลังแบบไหนอันตราย? สัญญาณเตือนภัยที่ไม่ควรมองข้าม
อาการปวดหลังเป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย มักเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อหลังอย่างหนักหรือผิดท่า เช่น การยกของหนัก การนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง เป็นต้น อาการปวดหลังส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ แต่หากมีอาการปวดหลังที่รุนแรงหรือเป็นเรื้อรัง อาจเกิดจากโรคร้ายแรงได้
อาการปวดหลังที่อันตราย มักมีอาการดังต่อไปนี้
- ปวดหลังเรื้อรัง คือ อาการปวดหลังที่มีอาการนานกว่า 3 เดือน
- ปวดหลังรุนแรง คือ อาการปวดหลังที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ไม่สามารถเดินหรือยืนได้นานๆ
- ปวดหลังร้าวลงขา คือ อาการปวดหลังที่ปวดร้าวลงขาหรือเท้า
- อ่อนแรงของกล้ามเนื้อขา คือ อาการที่ไม่สามารถยกขาหรือเดินได้
- ชาปลายเท้า คือ อาการที่รู้สึกชาหรือเสียวซ่าบริเวณปลายเท้า
- ปัสสาวะหรืออุจจาระลำบาก คือ อาการที่ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้
อาการปวดหลังที่มีลักษณะดังที่กล่าวมาข้างต้น อาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงได้ เช่น
- หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท เกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังฉีกขาดหรือเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาทไขสันหลังหรือรากประสาท ทำให้เกิดอาการปวดหลังร้าวลงขา อ่อนแรงของกล้ามเนื้อขา ชาปลายเท้า เป็นต้น
- โรคกระดูกสันหลังเสื่อม เกิดจากกระดูกสันหลังเสื่อมสภาพตามอายุ ทำให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง ปวดหลังร้าวลงขา อ่อนแรงของกล้ามเนื้อขา ชาปลายเท้า เป็นต้น
- โรคมะเร็งกระดูกสันหลัง เกิดจากเซลล์มะเร็งแพร่กระจายมายังกระดูกสันหลัง ทำให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง ปวดหลังร้าวลงขา อ่อนแรงของกล้ามเนื้อขา ชาปลายเท้า เป็นต้น
นอกจากนี้ อาการปวดหลังที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การติดเชื้อ โรคข้ออักเสบ หรือโรคไต เป็นต้น ก็อาจมีอาการรุนแรงหรือเรื้อรังได้เช่นกัน
ปวดหลังตรงไหน เป็นโรคอะไร
อาการปวดหลังเป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย มักเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อหลังอย่างหนักหรือผิดท่า เช่น การยกของหนัก การนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง เป็นต้น อาการปวดหลังส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ แต่หากมีอาการปวดหลังที่รุนแรงหรือเป็นเรื้อรัง อาจเกิดจากโรคร้ายแรงได้ ดังนั้นจึงควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
อาการปวดหลังสามารถเกิดจากสาเหตุได้หลายประการ โดยขึ้นอยู่กับบริเวณที่ปวด ลักษณะของอาการปวด และอาการร่วมอื่นๆ ดังนี้
- ปวดหลังส่วนบน บริเวณกระดูกสันหลังส่วนอก มักเกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบหรือเส้นเอ็นอักเสบจากการยกของหนัก การทำท่าทางซ้ำๆ นานๆ หรือนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ยัง อาจเกิดจากโรคกระดูกสันหลังเสื่อม หรือโรคข้ออักเสบบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้อสันหลังอักเสบยึดติด
- ปวดหลังส่วนกลาง บริเวณกระดูกสันหลังส่วนเอว มักเกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท สาเหตุเกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังฉีกขาดหรือเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาทไขสันหลังหรือรากประสาท มักมีอาการปวดหลังรุนแรง ปวดร้าวลงขา อ่อนแรงของกล้ามเนื้อขา ชาปลายเท้า เป็นต้น นอกจากนี้ อาจเกิดจากโรคกระดูกสันหลังเสื่อม หรือโรคมะเร็งกระดูกสันหลัง
- ปวดหลังส่วนล่าง บริเวณกระดูกสันหลังส่วนสะโพก มักเกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบหรือเส้นเอ็นอักเสบจากการยกของหนัก การทำท่าทางซ้ำๆ นานๆ หรือนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ยัง อาจเกิดจากโรคหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท โรคกระดูกสันหลังเสื่อม โรคข้ออักเสบบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้อสันหลังอักเสบยึดติด โรคไต โรคนิ่วในไต โรคกระเพาะอาหาร โรคลำไส้ เป็นต้น
ดังนั้น หากมีอาการปวดหลัง ควรสังเกตอาการของตนเองว่ามีอาการปวดบริเวณใด มีลักษณะของอาการปวดอย่างไร และมีอาการร่วมอื่นๆ หรือไม่ เพื่อจะได้นำข้อมูลเหล่านี้มาประกอบในการวินิจฉัยโรคจากแพทย์ต่อไป
ปวดหลังแบบไหนที่ควรรีบไปพบแพทย์
หากมีอาการปวดหลังที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
- ปวดหลังเรื้อรังนานกว่า 3 เดือน
- ปวดหลังรุนแรงจนไม่สามารถเดินหรือยืนได้นานๆ
- ปวดหลังร้าวลงขา
- อ่อนแรงของกล้ามเนื้อขา
- ชาปลายเท้า
- ปัสสาวะหรืออุจจาระลำบาก
แนวทางการป้องกันอาการปวดหลัง
-
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักเกินกำลัง
- ยกของอย่างถูกวิธี โดยยืนตัวตรง งอเข่า ยกของเข้าหาตัว และใช้กล้ามเนื้อขาในการยก
- นั่งทำงานในท่าที่ถูกต้อง โดยให้หลังตรง วางเท้าให้ราบกับพื้น วางแขนบนโต๊ะให้ข้อศอกทำมุมประมาณ 90 องศา
- นอนหลับในท่าที่ถูกต้อง โดยให้นอนหงาย งอเข่าเล็กน้อย วางหมอนรองใต้ศีรษะและคอ
- งดสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่ทำให้กระดูกสันหลังเสื่อมเร็วขึ้น
- ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะแอลกอฮอล์ทำให้กล้ามเนื้อหลังอ่อนแอลง
- รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ โปรตีนสูง และผักผลไม้สูง เพราะอาหารที่มีไขมันสูงทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น
-
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลัง เช่น การยกน้ำหนัก โยคะ พิลาทิส เป็นต้น
- ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 5 วัน
-
ดูแลน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- คำนวณหาค่าดัชนีมวลกาย (BMI) และรักษาค่า BMI ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ควบคุมอาหารและออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก
-
ยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังเป็นประจำ
- ยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังอย่างน้อย 5-10 นาทีต่อวัน
- ยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังก่อนและหลังการออกกำลังกาย
หากปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดหลังได้
อาการปวดหลังเป็นอาการที่พบได้บ่อย แต่หากมีอาการปวดหลังที่รุนแรงหรือเรื้อรัง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
อาการปวดหลังสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่
อาการปวดหลังสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการปวดหลัง
หากอาการปวดหลังเกิดจากสาเหตุที่รักษาได้ เช่น กล้ามเนื้ออักเสบ เส้นเอ็นอักเสบ หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท โรคกระดูกสันหลังเสื่อม เป็นต้น อาการปวดหลังสามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและปัจจัยอื่นๆ เช่น อายุ เพศ อาชีพ ประวัติครอบครัว เป็นต้น
สำหรับอาการปวดหลังที่เกิดจากสาเหตุที่รักษาไม่ได้ เช่น โรคมะเร็งกระดูกสันหลัง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น อาการปวดหลังอาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมอาการปวดได้
โดยทั่วไป อาการปวดหลังส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ โดยสามารถรักษาด้วยตนเองได้ที่บ้าน เช่น การพักผ่อน ประคบเย็นหรือร้อน การรับประทานยาแก้ปวด เป็นต้น
หากอาการปวดหลังไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรง เช่น ปวดร้าวลงขา อ่อนแรงของกล้ามเนื้อขา ชาปลายเท้า เป็นต้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
การรักษาอาการปวดหลังแบบใดที่ได้ผลดีที่สุด
การรักษาอาการปวดหลังแบบใดที่ได้ผลดีที่สุดนั้น ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการปวดหลัง
สำหรับอาการปวดหลังที่เกิดจากสาเหตุที่รักษาได้ เช่น กล้ามเนื้ออักเสบ เส้นเอ็นอักเสบ หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท โรคกระดูกสันหลังเสื่อม เป็นต้น การรักษาแบบประคับประคองมักได้ผลดี โดยการรักษาแบบประคับประคองประกอบด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้
การรักษาแบบประคับประคอง
- การพักผ่อน จะช่วยให้กล้ามเนื้อหลังได้ฟื้นฟูและลดอาการปวด
- ประคบเย็นหรือร้อน ช่วยลดอาการปวดและอักเสบ
- การรับประทานยาแก้ปวด ช่วยลดอาการปวด
- การทำกายภาพบำบัด ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังและปรับท่าทาง
การรักษาแบบผ่าตัด
- การผ่าตัดรักษาอาการปวดหลังมักใช้ในกรณีที่อาการปวดหลังรุนแรงและรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ไม่ได้ผล
- การผ่าตัดรักษาอาการปวดหลังมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท การผ่าตัดเสริมความแข็งแรงของกระดูกสันหลัง เป็นต้น
การผ่าตัดรักษาอาการปวดหลังมักใช้ในกรณีที่อาการปวดหลังรุนแรงและรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ไม่ได้ผล การผ่าตัดรักษาอาการปวดหลังมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท การผ่าตัดเสริมความแข็งแรงของกระดูกสันหลัง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การรักษาอาการปวดหลังด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัย
เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญงานเขียน
นามปากกา : ถังแก๊ส
ต้องการมืออาชีพช่วยเขียนบทความ? บริการเขียนบทความ คุณภาพสูง เน้นการปรับแต่งให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและบริการของคุณ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วย บทความ SEO ที่ช่วยเพิ่มอันดับการค้นหาของเว็บไซต์ของคุณ ติดต่อตอนนี้เพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณ