การสร้างสรรค์คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง ศิลปะของการขายบนโลกออนไลน์

การตลาด คือ ศิลปะของการขายและ หลักการทำการตลาด ก็คือ หลักของการขายของ ดังนั้น การทำการตลาดไม่ใช่ให้คนเห็นแล้วยิ้ม จบที่การเลื่อนผ่านไป ดังนั้นการทำการตลาดด้วยคอนเทนต์จำเป็นจะต้องสนับสนุนการขาย และ นั่นก็หมายความว่า คอนเทนต์ของคุณจะต้องเป็นเสมือนพนักงานขายให้คุณได้นั่นเอง

คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง สร้างงานขายที่ดี ที่คนออนไลน์ความทำ

• คอนเทนต์ที่ดีควรพูดข้อเสียหรือข้อจำกัดของสินค้า ให้คุณเชื่อไว้เถอะว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย  สำหรับพ่อค้าแม่ค้าทุกคน สิ่งที่ต้องการคือยอดขาย กำไรมากว่าขาดทุน การชูจุดเด่นของสินค้า แม้กระทั้งผลประโยชน์ต่อสมาชิกที่ได้รับ เป็นสิ่งที่พยายามชูขึ้นมาเพื่อดึงดูดความสนใจ หลาย ๆ คนพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงข้อจำกัดหรือข้อเสียของสินค้า นั่นเป็นเพราะเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะไปขัดต่อยอดขาย หรือแม้กระทั่งกลัวว่าคู่แข่งจะนำไปโจมตีนั่นเองแต่ในทางกลับกันเราลองวิเคราะห์ดูสิว่า

1. เมื่อลูกค้าเกิดเจอข้อจำกัดของเราที่ปกปิดไว้ และสินค้าไม่ได้เป็นตามความคาดหวังของเขา จะเป็นอย่างไร
2. และหากลูกค้าเจอข้อมูลเช่นนี้จากตัวเราเอง กับการเจอจากผู้อื่นที่วิจารณ์ หรือเจอจากคู่แข่งของเราเอง สถานการณ์ไหนส่งผลกระทบต่อเรามากกว่ากัน

คอนเทนต์สินค้าช่วยเพิ่มยอดการขายต่อสินค้าของเรา

ดังนั้น บางครั้งการบอกข้อจำกัดและข้อเสียของสินค้าเรา ก็ไม่ได้ดูแย่ไปซะหมดจนทำให้ฉุดยอดการขายของเราเสียทีเดียว เพราะมีนเป็นการตั้ง ความหวังของลูกค้า ต่อสินค้าของเรา อย่างถูกต้อง และเมื่อเขาไม่เลือกซื้อเพราะข้อจำกัดที่เราบอกไป ก็หมายความว่าสินค้าของเราไม่ได้ตอบโจทย์ที่เขาต้องการ ถ้าซื้อไปอาจผิดหวัง ไม่บอกต่อ หรือโจมตีเราได้

• คอนเทนต์สินค้ากับราคาที่ควรชัดเจน หลาย ๆ แบรนด์สินค้าที่จะหลีกเลี่ยงการบอกราคาที่ชัดเจน โดยการใช้คอนเทนต์ในลักษณะการเบี่ยงประเด็นราคา ให้ติดต่อสอบถามไปยัง Line/Messenger อีกที คำถามคือ เมื่อลูกค้าสนใจกำลังจะตัดสินใจซื้อ แต่ต้องรอการติดต่อสอบถามอีกที กับแบรนด์ที่บอกได้ชัดเจน อันไหนจะทำให้งานขายสำเร็จได้ก่อนกัน  การบอกราคาสินค้าจึงเป็นเหมือนการชั่งน้ำหนักระหว่างคนจำนวนมากในการตัดสินใจซื้อได้ง่าย และเร่งการขายให้เร็วขึ้นได้

• คอนเทนต์สร้างการเปรียบเทียบสินค้าของเรากับคนอื่น อันนี้อาจขัดกับความเชื่อของหลาย ๆ คนอยู่ไม่น้อย เพราะหลายคนเชื่อว่างานขายของไม่ควรเปรียบเทียบสินค้าของเรากับใคร แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันคือสิ่งที่ลูกค้าจำนวนมากทำกันอยู่แล้ว เวลาจะซื้อของสักอย่าง ก็มักจะหามาเปรียบเทียบสัก 2-3 แบรนด์ก่อนการตัดสินใจว่าอันไหนดี  อย่าลืมว่า การที่เขาเข้ามาในร้านเรา เขาอยู่กับเรา นั่นคือช่วงจังหวะการตัดสินใจของเขา การป้อนข้อมูลให้กับเขาในจุดที่เราควบคุมได้ ย่อมดีกว่าการปล่อยให้เขานำข้อมูลนอกเหนือการควบคุมของเรามาเปรียบเทียบเอง

คอนเทนต์เปรียบเสมือนพนักงานขายของเรา ดังนั้น การมีพนักงานขายที่ดี ชัดเจนในข้อมูล แสดงความจริงใจต่อลูกค้า ตอบข้อสงสัยและเปรียบเทียบข้อมูลให้ลูกค้าได้ตัดสินใจ นั่นคือ ศิลปะแห่งการขาย บนตลาดออนไลน์ ที่ความสำเร็จอยู่ที่ความเข้าใจในความต้องการของลูกค้ามาเป็นอันดับแรก ที่เหลือขึ้นอยู่กับคุณแล้วละว่าจะเลือกนำเสนอคอนเทนต์แบบไหนให้ตรงใจ และตรงจุดที่สุด