7 เทรนด์การตลาดออนไลน์ที่เหล่านักการตลาดพลาดไม่ได้ในปี 2023

สำหรับการทำธุรกิจ การทำการตลาดออนไลน์ถือว่าเป็นเรื่องที่ทุกธุรกิจต้องทำและให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เพราะนอกจากจะทำเพื่อเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าและบริการของตัวเองแล้ว ยังเป็นหนึ่งในวิธีการสร้างภาพลักษณ์และสื่อสารระหว่างแบรนด์กับกลุ่มลูกค้าของตัวเองมากขึ้น แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การพัฒนาวิธีการรับรู้ และความต้องการของกลุ่มลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้นักการตลาดทุกคนจึงจำเป็นต้องเรียนรู้และพัฒนาแนวทางการตลาดใหม่ ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของแบรนด์ของตัวเองอยู่เสมอ รวมทั้งให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าและนำหน้าคู่แข่งของตัวเองให้มากที่สุดด้วย

อัปเดตเลย 7 เทรนด์การตลาดออนไลน์ ที่ปี 2023 ได้ใช้แน่นอน

ในอดีตการตลาดของแบรนด์ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอุปโภคหรือบริโภคมักจะใช้วิธีการสร้างจุดเด่นเพื่อให้ลูกค้านำไปบอกกันแบบปากต่อปาก ก่อนพัฒนามาเป็นการโฆษณาผ่านสื่อที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย ๆ อย่างวิทยุ โทรทัศน์ การใช้ป้ายโฆษณา จนไปถึงการลงพื้นที่ออกบูธตามสถานที่ต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าการตลาดที่ทรงพลังและเข้าถึงผู้คนได้ง่ายมากที่สุดคือ การตลาดออนไลน์ โดย 7 เทรนด์มาแรงในปี 2023 มีดังนี้

1. Live Stream และ Video Content

จากการสำรวจในช่วงปี 2021 พบว่ามีการใช้สมาร์ตโฟนทั่วโลกมากกว่า 548 ล้านชั่วโมง (ยกเว้นในประเทศจีน) โดยกิจกรรมที่มีการใช้งานมากที่สุดคือ การดู Live Stream บนแพลตฟอร์มออนไลน์ จึงมีการประเมินว่าการตลาดออนไลน์ผ่าน Live Stream และ Video Content ผ่านแพลตฟอร์ม Facebook, YouTube, Instagram และ TikTok เป็นอีกหนึ่งเทรนด์การทำการตลาดที่น่าสนใจและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเหตุผลอาจเป็นเพราะภาพวิดีโอสามารถดึงดูดผู้คนให้เข้าถึงแบรนด์ได้ง่ายและกว้างกว่าคอนเทนต์รูปแบบอื่น

2. User Experience

การพัฒนาระบบเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับประสบการณ์ใช้งานจริงของลูกค้า ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์การตลาดออนไลน์ที่มาแรง เนื่องจากเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าโดยตรง เพราะฉะนั้นการพัฒนาปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย จึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ สำหรับแนวการพัฒนา User Experience ที่กำลังได้รับความสนใจคือ ความเรียบง่ายในการใช้งานกลยุทธ์ Scrollytelling และการติดแฮชแท็กเพื่อให้การเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

3. Voice Search

เพราะความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้พฤติกรรมคนส่วนใหญ่ติดสบายมากขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Voice Search จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น อีกทั้งจากการสำรวจในปี 2022 ที่ผ่านมายังพบว่า 90% ของคนใช้งานออนไลน์มีการใช้คำสั่งเสียงในการหาข้อมูลสูงขึ้น ในอนาคตจึงต้องมีการพัฒนาการทำ SEO เพื่อให้รองรับการค้นหาโดยใช้เสียงเพิ่มเติมด้วย

4. Virtual Reality (VR)

ในช่วงปีที่ผ่านมาเทคโนโลยี Virtual Reality หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า VR ได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากการเข้ามาพัฒนาอย่างผู้พัฒนาระบบออนไลน์เจ้าใหญ่อย่าง Meta เพราะคนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้คนมากขึ้น ดังนั้นจึงมีแนวโน้มว่าระบบ VR จะเข้ามามีบทบาทในการตลาดออนไลน์มากขึ้นในอนาคต

5. Artificial Intelligence

อย่างที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่า Artificial Intelligence (AI) หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ถูกมาใช้อย่างแพร่หลายในการทำการตลาดออนไลน์มาหลายปีแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าในปี 2023 ระบบ AI ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อไป โดยเฉพาะในส่วนของการวิเคราะห์ผลการตลาดเพื่อใช้ในการปรับปรุงแนวทางการตลาดของแบรนด์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และเพื่อการคาดการณ์แนวโน้มทางการตลาดในอนาคต แต่สำหรับในส่วนของการสร้างคอนเทนต์ที่มีการพยายามพัฒนาระบบ AI เพื่อรองรับการทำงานส่วนนี้อาจยังไม่ถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง เพราะการเข้าถึงความต้องการของมนุษย์ในแง่ของเนื้อหาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน จึงต้องยังคงใช้มุมมองของมนุษย์ด้วยกันเป็นผู้พัฒนาในส่วนนี้ต่อไป

6. Real-Time

ความรวดเร็วในการตอบโต้กับแบรนด์ยังคงเป็นสิ่งที่ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ต้องการ เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างความประทับใจให้กับกลุ่มลูกค้าที่สนใจในสินค้าและบริการของตัวเองแล้ว ยังเป็นการเพิ่มช่องทางการสื่อสารและเสนอสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าของแบรนด์ได้โดยตรงด้วย ดังนั้นในปี 2023 การพัฒนาแพลตฟอร์มระบบตอบโต้อัตโนมัติหรือการจ้างผู้ดูแลระบบออนไลน์เพื่อทำการตอบคำถามและให้บริการกับลูกค้าโดยเฉพาะ จึงยังคงเข้ามามีบทบาทในการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

7. User-Generated Content

ถึงแม้ว่าการทำการตลาดแบบปากต่อปากจะเป็นการทำการตลาดแบบเก่าและใช้เวลานานกว่าแบรนด์จะได้รับการยอมรับ แต่ถึงอย่างนั้นต้องยอมรับว่าวิธีนี้เป็นการทำการตลาดที่มั่นคงและยั่งยืนมากที่สุด ทำให้ในปี 2023 เทรนด์การตลาดแบบ User-Generated Content ที่คล้ายกับการตลาดแบบปากต่อปากจะกลับมามีบทบาทอีกครั้ง แต่จะเปลี่ยนการสร้างแคมเปญให้ผู้ที่ใช้งานสินค้าและบริการจริงรีวิวให้ผ่านสื่อโซเซียลมีเดีย ด้วยการโพสต์ภาพ โพสต์คลิปวิดีโอ หรือข้อความ ทำให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งวิธีนี้สามารถทำควบคู่ไปกับการจ้างรีวิวโดยกลุ่ม Influencer ที่มีชื่อเสียง เพราะคนกลุ่มนี้สามารถพาแบรนด์เข้าไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้ง่ายกว่า

สรุป

จะเห็นได้ว่าเทรนด์การตลาดออนไลน์ในปี 2023 เลือกที่ให้ความสำคัญกับความต้องการของกลุ่มลูกค้ามาเป็นอันดับแรก ซึ่งเหตุผลนั้นก็เป็นเพราะคนส่วนใหญ่ยึดเอาความพึงพอใจของตัวเอง ทุกอย่างจึงต้องเร็วและตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างตรงจุด ถ้าสร้างความประทับใจได้ตั้งแต่ครั้งแรก รับประกันว่าได้ลูกค้าเพิ่มแน่นอน