1 min read
7 เรื่องต้องรีบทำ หากคุณอยากทำบทความ SEO ให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า
“ใคร ๆ ก็ทำ SEO” เพราะในยุคที่ธุรกิจออนไลน์กำลังมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก ทำให้แทบทุกธุรกิจหันมาสนใจทำเว็บไซต์ของตนเอง และหนึ่งในเรื่องสำคัญของการมีเว็บไซต์ก็คือ “การทำเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก Google ผ่านการทำ SEO” และตั้งแต่ปี 2022 นี้ มี 7 เรื่องสำคัญที่คุณควรปรับ เปลี่ยน และรีบลงมือทำ เพื่อให้การทำ SEO ของคุณประสบความสำเร็จ ก้าวไปสู่การติดหน้าแรกของ Google ตามที่ตั้งใจ
7 เรื่องสำคัญของการทำ SEO ในปี 2022
1. อย่าหยุดอัปเดตเว็บไซต์
รู้หรือไม่ว่าทางฝั่ง Google ก็มีนโยบายประหยัดพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน โดยกำลังจะเริ่มใช้ INdexNow เพื่อตรวจสอบการอัปเดตเว็บไซต์ต่าง ๆ และเลือกที่จะหยุดแสดงผลการค้นหาในหน้าเว็บไซต์ที่ไม่มีการอัปเดตเพื่อให้เซิร์ฟเวอร์ประหยัดพลังงานมากขึ้น หากเริ่มใช้จริงจังเมื่อไร (คาดการณ์ว่าภายในปี 2030) เว็บใครร้าง หน้าเว็บใดไม่อัปเดตเป็นเวลานาน มีโอกาสสูงมากที่ Google จะไม่แสดงผลอีกเลย ดังนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดคือ การปรับปรุงหน้า Home บ้างเป็นครั้งคราว และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือบทความ SEO ซึ่งโดยปกติจะมีการใช้อัปเดตเว็บไซต์ผ่านเมนูบทความ (Blog) กันอยู่แล้ว
Tips : ความถี่ที่เราขอแนะนำสำหรับการอัปเดตบทความ SEO คือ วันละ 1 บทความ และอย่างน้อยที่สุดคือ 3 วัน/บทความ เท่ากับว่าใน 1 เดือนเว็บไซต์ของคุณจะมีการอัปเดต 10-30 ครั้ง แบบนี้ Google ชอบแน่นอน
2. หยุดทำพฤติกรรมที่เสี่ยงถูก Google แบนถาวร
คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าขั้นตอนการทำ SEO ของคุณนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่กำลังทำเรื่องต้องห้ามที่ Google จะขึ้นบัญชีดำเว็บของคุณ เรื่องนี้เรามี 3 ข้อง่าย ๆ ให้คุณลองสำรวจได้ด้วยตัวเอง คือ
1.ยัด Keywords จำนวนมากในบทความเดียว : หมายความว่าคุณกำลังเลือกใช้ Keyword หลายคำมากเกินไปใน 1 บทความ รวมไปถึงการใช้ความถี่จำนวนมาก ๆ จนบทความเต็มไปด้วยการสแปม Keyword การทำแบบนี้ Google ไม่ชอบเป็นอย่างยิ่ง
2.ใช้วิธี Spin บทความ จาก 1 บทความ เป็น 10 เป็น 100 บทความ แน่นอนว่าธุรกิจขนาดเล็กอาจจะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังคงต้องการผลลัพธ์ทาง SEO อย่างรวดเร็ว แต่การ Spin บทความนั้น หากคุณลองตรวจสอบเนื้อหา จะพบว่าอ่านไม่รู้เรื่อง และมีการบิดคำ เปลี่ยนประโยคเพียงเล็กน้อย ทำให้นั่นไม่ต่างอะไรกับการทำบทความซ้ำบทเว็บไซต์ตัวเอง หรือแม้กระทั่งการนำไป Seeding เว็บไซต์ภายนอกก็ตาม
3.ไม่อัปเดตเนื้อหาคุณภาพที่สดใหม่ให้กับเว็บไซต์ ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป Google จะให้ความสำคัญกับคุณภาพเนื้อหาบทความมากกว่าแค่ Keyword หากคุณยังทำบทความ SEO ด้วยวิธีเดิม อย่างการ Rewrite บทความคนอื่น หรือใช้วิธีแปลภาษาจากบทความต่างประเทศ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้แหล่งข้อมูลสดใหม่และน่าเชื่อถือมาเขียนบทความให้เป็นบทความใหม่ของตนเอง
Tips : จำนวน Keyword ที่เหมาะสมคือ 1-3 คำ/บทความ และไม่ควรมีความหนาแน่นมากเกินไป เช่น หากคุณเขียนบทความประมาณ 500-800 คำ ก็ควรใช้ Keyword ไม่เกิน 5 ตำแหน่งเมื่อรวมทุกคำแล้ว และควรมีจำนวนบทความที่ใช้ข้อมูลสดใหม่อัปเดตอย่างน้อย 10 บทความ/เดือน
3. เลิกคิดว่าคนไทยอ่านหนังสือ 8 บรรทัด
เป็นเรื่องตลกร้ายที่หลายคนยังเชื่อว่าผู้คนไม่ชอบอ่านอะไรยาว ๆ จึงเลือกที่จะทำบทความสั้น ๆ ที่ใช้เวลาอ่านเพียงไม่กี่นาที ก็จบแบบยังได้ข้อมูลไม่ครบด้วย มีข้อมูลวิจัยออกมาแล้วว่า ตั้งแต่ปี 2021 Google จะให้ความสำคัญกับบทความแบบยาวมากขึ้น โดยมีความยาวแนะนำที่ 800-1,000 คำ (ประมาณ 2 หน้า A4) และบางกรณีควรมีความยาวสูงถึง 3,500 คำ ทั้งนี้แม้จะมีความยาวมากขึ้น แต่ก็ยังยึดมั่นในคุณภาพเนื้อหาเป็นสำคัญ
Tips : ในการจะเขียนบทความ 1,000-3,500 คำ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการเขียน เพราะจะต้องมีการ Research หัวข้อและข้อมูลที่เชื่อถือได้จากหลาย ๆ แหล่ง นำมากรองและวางโครงสร้างของบทความ เพื่อให้ได้เฉพาะข้อมูลสำคัญที่มีคุณภาพ หากคุณยังไม่ชำนาญการเขียน เราแนะนำว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านบทความ SEO จะเป็นทางออกที่ดีกว่า
4. ลูกค้าคือพระเจ้าตัวจริง
90% ของธุรกิจส่วนใหญ่มักทำบทความที่ตนเองชอบ มากกว่าวิเคราะห์ว่ากลุ่มเป้าหมายต้องการรับข้อมูลอะไร มาถึงตอนนี้คุณต้องหยุดทำบทความ SEO ที่คุณชอบ เจ้านายคุณชอบ หรือใครก็ตามที่ไม่ได้ต้องการสินค้าหรือบริการคุณชอบ และเริ่มรวบรวม วิเคราะห์ แยกข้อมูล เพื่อค้นหาว่ากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจคุณชอบอะไร แล้วจึงเสิร์ฟสิ่งนั้นทันที
Tips : วิธีการจะรู้ได้ว่ากลุ่มเป้าหมายคุณชอบอะไร อาจจะเริ่มจากการติดตามธุรกิจคู่แข่งที่ประสบความสำเร็จ เพื่อค้นหาว่าบทความหรือเนื้อหาแบบไหนที่ผู้คนให้ความสนใจและมีส่วนร่วม ให้นำเนื้อหานั้นมาพัฒนาต่อยอด หรือแม้กระทั่งคำถามของผู้คนที่มีต่อธุรกิจคุณ ก็สามารถนำมาต่อยอดได้ เพราะผู้คนจะไม่ถามถ้าเขาไม่อยากรู้
5. ปักหมุดให้โลกรู้จักคุณผ่าน Google My Business หรือ Business Profile
Google My Business หรือ Google Business Profile ในปัจจุบัน คือเครื่องมือสร้างตัวตนธุรกิจที่สำคัญในยุคนี้ และเปิดให้ใช้งานได้ฟรี ๆ การลงทะเบียนก็ไม่ยุ่งยาก ประกอบกับ Google กำลังให้ความสำคัญต่อชุมชนท้องถิ่น และใคร ๆ ก็ใช้ Google Map รวมไปถึงคุณสามารถใช้ช่องทางนี้ทำ Google ads, สร้างเว็บไซต์ฟรี และยังใช้เป็นช่องทางสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ด้วย
Tips : เพียงคุณมีบัญชี Gmail ก็สามารถลงทะเบียน Business Profile ได้เลย ส่วนฟังก์ชันการอัปเดตต่าง ๆ ก็ทำได้ไม่ยาก ไม่ต่างกับการใช้ Social Media อื่น ๆ รีบไปลุยกันได้เลย
6. หมดเวลาของ Hyperlink (แต่ยังต้องทำ)
“คุณเคยพยายามหาข้อมูลอะไรสักอย่าง แล้วเจอบทความที่ใส่ลิงก์ให้กดไปอ่านต่อจำนวนมาก ๆ และคุณเลิกอ่านไหม?”
ถ้าใช่…ลูกค้าที่เข้ามาอ่านบทความก็เป็นใช่เดียวกับคุณ
Hyperlink กับบทความ SEO ยังคงเป็นเรื่องสำคัญอยู่เช่นเดิม เพียงแต่ว่าในบทความที่คุณนำเสนอควรจะมีเนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญครบถ้วนทุกประเด็น แบ่งสัดส่วนและมีหัวข้อระบุไว้อย่างชัดเจนในแต่ละช่วงของบทความ แล้วค่อยใส่ Hyperlink ไปยังหน้าอื่น ๆ สำหรับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องแต่ไม่ใช่สาระสำคัญของบทความนั้น
เช่น คุณกำลังนำเสนอเรื่องบทความ SEO ก็ควรมีย่อหน้าที่บอกว่าบทความประเภทนี้คืออะไรที่อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที แทนที่จะทำ Hyperlink เพื่อให้กดตามไปอ่านความหมายอีกหน้าหนึ่ง
Tips : สำหรับกรณีที่คุณทำบทความแบบยาว ควรจะใช้ฟังก์ชันของการทำสารบัญไว้ด้านบนของบทความ เพื่อให้ผู้อ่านได้รู้ทันทีว่าบทความของคุณกำลังจะเล่าเรื่องอะไร มีเนื้อหาอะไรบ้าง และไม่ควรใส่ Hyperlink เกิน 5 ตำแหน่งในบทความ
7. ใคร ๆ ก็ต้องการตำแหน่ง SERP
SERP (Search Engine Results Page) คือเครื่องมือที่ Google ใช้แสดงผลอันดับการค้นหาผ่าน Keyword ที่เราคุ้นเคยกัน โดยจะมีการแสดงผลแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ
1.Paid SERP Listing การแสดงผลการค้นหาแบบชำระเงิน หรือการทำ Google Ads ที่เรามักจะเห็นการแสดงผลโดยมีคำว่า “โฆษณา” หรือ “Ads” อยู่หน้าเว็บไซต์ในการค้นหา วิธีนี้ทำเองได้ไม่ยาก หรือจะจ้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านก็มีให้เลือกใช้บริการ
2.Organic SERP Listings การแสดงผลตามการค้นหาแบบธรรมชาติ ก็คือที่พวกเราพยายามทำบทความ SEO กันอยู่นั่นเอง
ทั้ง 2 รูปแบบนี้ทุกธุรกิจจำเป็นที่จะต้องทำทั้งหมด เพื่อการช่วงชิงตำแหน่งสำคัญเหนือคู่แข่งของคุณ ในส่วนของการทำให้ติดการค้นหาผ่าน Organic SERP Listings ใน 10 อันดับแรก วิธีการหลัก ๆ ก็จะเป็นแบบเดียวกับ 6 ข้อก่อนหน้านี้ที่เราแนะนำไว้
Tips : สำหรับการทำบทความ SEO เพื่อให้ติดหน้าแรก Google แบบ Organic SERP Listings มีเคล็ดลับเพิ่มเติมดังนี้
1.ตั้งชื่อหัวข้อบทความ (Topic) ให้โดดเด่น ดึงดูดให้คนอยากคลิกอ่าน แต่ต้องไม่ใช่หัวข้อแบบ Clickbait ที่จงใจล่อลวงคนอ่าน
2. นอกจากเนื้อหาคุณภาพแล้ว Meta Description ก็ควรมีแยกออกมา ไม่ควรเลือกใช้ประโยคแรก ๆ ของบทความ ให้เขียนเป็นการสรุปเนื้อหาคร่าว ๆ เพื่อบอกคนอ่านว่าจะได้อะไรจากบทความนั้น ๆ ซึ่งไม่ควรเกิน 160 ตัวอักษร
3. กระจาย Keyword ในตำแหน่งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ตามที่เราะแนะนำในข้อที่ 2
4. สร้างเนื้อหาบทความ SEO ที่มีคุณภาพ และมีความยาวที่เหมาะสมคือ ตั้งแต่ 800 คำ ขึ้นไป
5. อย่าลืมวางโครงสร้างบทความก่อนลงมือเขียน
6. ใส่ Hyperlink ทั้ง Internal Link และ External Link อย่างเหมาะสม และไม่ควรใส่เกิน 5 ลิงก์
7. ใส่ภาพประกอบบทความในส่วนต่าง ๆ โดยใช้เป็นภาพที่ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์
และควรปรับโครงสร้างทั้งเว็บไซต์ เพื่อให้ Support SEO ที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพร่วมด้วย และทั้งหมดนี้ คือ 7 เรื่องอัปเดตของการทำ SEO ในปี 2022 นี้ หากใครต้องการให้เว็บไซต์ตัวเองติดหน้าแรก Google ควรปรับและนำไปใช้ได้ทันที ส่วนใครที่ต้องการมืออาชีพในเรื่องนี้ ติดต่อพวกเรา “เขียนบทความ.com” ได้ทันที เราพร้อมให้บริการทุกท่านด้วยทีมงานมืออาชีพที่เชี่ยวชาญเรื่อง SEO มากว่า 10 ปี
ต้องการมืออาชีพช่วยเขียนบทความ?
บริการเขียนบทความ คุณภาพสูง เน้นการปรับแต่งให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและบริการของคุณ!
เพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับในหน้าแรก ด้วย บทความ SEO ที่มีคุณภาพ ติดต่อเราเพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณวันนี้