1 min read
มิเตอร์ TOU คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า
รถยนต์ไฟฟ้าได้สร้างกระแสความสนใจในประเทศไทยไม่น้อย ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตจะต้องได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) คือรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวโดยดึงพลังงานมาจากแบตเตอรี่ภายในรถ และใช้การชาร์จไฟเมื่อพลังงานในแบตเตอรี่หมด ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกชาร์จไฟได้จากสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charger อีกทั้งยังสามารถชารจ์ไฟได้จากไฟบ้านของตัวเอง ซึ่งประเด็นการชาร์จไฟที่บ้านนี่เองที่เป็นที่มาของ “มิเตอร์ TOU” ที่ผู้ใช้รถพลังงานไฟฟ้าทุกคนต้องทำความรู้จักให้เข้าใจ
มิเตอร์ TOU และความเกี่ยวข้องกับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า
อัตราค่าไฟฟ้าแบบ Time of Use Tariff หรือก็คือตัวย่อ TOU นั่นเอง คือการคิดค่าไฟฟ้าแบบเป็นช่วงเวลา ซึ่งจะแตกต่างจากการคิดค่าไฟฟ้าแบบอัตราปกติ หรือ Progressive Rate ที่จะคิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ไฟจริง หากใช้มากก็จะเสียค่าไฟมาก แต่สำหรับอัตราค่าไฟแบบ TOU จะแบ่งเป็นช่วงเวลาการใช้ไฟดังต่อไปนี้
- On Peak คือช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟสูง กำหนดช่วงเวลา 9.00-22.00 น. ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ โดยจะคิดค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 5.2674 บาท/หน่วย
- Off Peak คือช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟต่ำ กำหนดช่วงเวลา 22.00-9.00 น. ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ ส่วนวันเสาร์-วันอาทิตย์ กำหนดช่วงเวลา 00.00-24.00 รวมไปถึงวันแรงงานแห่งชาติ และวันหยุดราชการ ไม่รวมวันหยุดชดเชยและวันพืชมงคล โดยค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 2.1827 บาท/หน่วย
โดยการเปลี่ยนอัตราค่าไฟฟ้าจากแบบปกติเป็นแบบ TOU จะต้องมีการเปลี่ยนมิเตอร์ไฟใหม่ และมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งมิเตอร์ ซึ่งผู้อยู่อาศัยสามารถติดต่อขอแจ้งเปลี่ยนอัตราค่าไฟ และขอติดตั้งมิเตอร์ใหม่ได้ที่การไฟฟ้าในท้องที่ของตน โดยสามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าอัตราค่าไฟฟ้าแบบใดเหมาะกับพฤติกรรมของตัวเอง แต่สำหรับผู้ที่มีรถยนต์ไฟฟ้าการติดตั้งมิเตอร์ TOU จะมีประโยชน์เป็นอย่างมาก เพราะอัตราค่าไฟแบบ TOU จะช่วยให้สามารถกำหนดค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับรถได้
ข้อควรรู้สำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าก่อนติดตั้งมิเตอร์ TOU
เป็นที่ทราบกันดีว่ารถยนต์ไฟฟ้าใช้ไฟในการชาร์จแบตเตอรี่อยู่ที่ 2,500 วัตต์ขึ้นไป ซึ่งจะสูงขึ้นไปอีกแค่ไหนขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องชาร์จแต่ละรุ่น และขึ้นอยู่กับประเภทรถที่ใช้ ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาใช้ สิ่งที่ควรคำนึงถึงอันดับแรกคือพลังงานไฟฟ้าภายในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และมิเตอร์ไฟที่ใช้อยู่ โดยการตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้ามีดังต่อไปนี้
มิเตอร์ไฟแบบทั่วไป
โดยส่วนใหญ่ไฟฟ้าภายในบ้านจะใช้ระบบ 1 เฟส คือมีสาย 2 เส้น ขนาด 15(45)A ซึ่งหมายความว่าสามารถรับการใช้ไฟพร้อมกันได้ 45 แอมป์ ซึ่งเป็นขนาดที่สามารถรองรับการชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ แต่สิ่งที่ควรรู้คือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า “จำเป็นต้องติดตั้งตัวชาร์จที่ใช้กับไฟระบบ 3 เฟสเท่านั้น” ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องเปลี่ยนคือการไปขอเปลี่ยนระบบไฟจาก 1 เฟสเป็น 3 เฟส ขนาด 15(45)A เท่าเดิมซึ่งจะไม่มีค่าใช้จ่าย
ประเด็นต่อมาคือ ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าควรทราบด้วยว่า ในขณะที่เรากำลังชาร์จแบตเตอรี่รถอยู่ อุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านของเราก็ยังคงทำงานอยู่ด้วย เช่น ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า และหม้อหุงข้าว เป็นต้น ดังนั้นการใช้มิเตอร์ไฟ 3 เฟส ขนาด 15(45)A บางครั้งอาจจะไม่พอสำหรับการใช้ไฟภายในบ้าน และเพื่อความปลอดภัยมิเตอร์ไฟ 3 เฟส ขนาด 30(100)A จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะสามารถรองรับการใช้ไฟพร้อมกันได้มากถึง 100 แอมป์ แต่จะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนมิเตอร์
มิเตอร์ไฟแบบ TOU
มิเตอร์ไฟแบบ TOU จะมีลักษณะใช้ระบบไฟ 3 เฟสอยู่แล้ว ส่วนขนาดจะมีให้เลือกทั้ง 15(45)A และ 30(100)A ซึ่งการเปลี่ยนจากมิเตอร์ทั่วไปเป็นมิเตอร์ TOU มีค่าใช่จ่ายอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาทขึ้นไป โดยสามารถตรวจสอบราคามิเตอร์ได้ที่การไฟฟ้า มิเตอร์ชนิดนี้มีความคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากอัตราค่าไฟที่คิดเป็นช่วงเวลา ทำให้ผู้ใช้รถสามารถเลือกชาร์จแบตเตอรี่ในช่วงเวลา Off Peak ได้
เมื่อได้ทราบแล้วว่า รถยนต์ไฟฟ้าต้องชาร์จกับระบบไฟแบบ 3 เฟสเท่านั้น การเปลี่ยนมิเตอร์ไฟทั้งแบบทั่วไป หรือแบบ TOU ต้องมีการเปลี่ยนสายไฟด้วย โดยระบบไฟ 3 เฟสจะต้องเพิ่มสายไฟเข้าบ้านอีก 2 เส้น และ หากเปลี่ยนมิเตอร์เป็นขนาด 30(100)A ไม่ว่าจะเป็นมิเตอร์แบบใด จะต้องมีการเปลี่ยนขนาดของสายไฟทั้งหมด ให้มีความหนาเพียงพอที่จะรองรับไฟขนาด 100 แอมป์ได้ รวมไปถึงเบรกเกอร์และสายไฟที่ออกจากเบรกเกอร์ด้วยจะต้องรับกระแสไฟที่สูงขึ้นได้ โดยเฉพาะจุดชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า จะต้องใช้สายไฟที่เหมาะสมกับขนาดกระแสไฟ เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
Credit ภาพ : pixabay.com
ต้องการมืออาชีพช่วยเขียนบทความ? บริการเขียนบทความ คุณภาพสูง เน้นการปรับแต่งให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและบริการของคุณ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วย บทความ SEO ที่ช่วยเพิ่มอันดับการค้นหาของเว็บไซต์ของคุณ ติดต่อตอนนี้เพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณ