การลงทุนแบบ DCA แนวทางการลงทุนสู่เงินล้าน ด้วยเงินหลักร้อย

ปี 2563 นับเป็นอีกช่วงเวลาที่ดอกเบี้ยธนาคารต่ำที่สุดตั้งแต่มีการบันทึกมา ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่เคยเป็นที่พึ่งพิงหลักในอดีต ปัจจุบันอยู่ที่ 0.25% เท่านั้น (ข้อมูล ณ วันที่ 13 กรกฎาคม 2563) การกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์อื่นจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นหนทางที่จำเป็น เพราะอย่างน้อยก็ทำให้มูลค่าของเงินที่เราถือไม่ลดลงจนต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ แต่ขึ้นชื่อว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงห้อยท้าย หนึ่งในเทคนิคลงทุนที่สามารถลดความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดผันผวนอย่างหนัก คือ “การลงทุนแบบ DCA“ พระเอกในเวลาที่กราฟราคาคาดการณ์ทิศทางได้ยากยิ่ง

จุดเด่นของการลงทุนแบบ DCA คือการเอาชนะความผันผวนของการลงทุนได้อยู่หมัด

วิธีการลงทุนแบบ DCA คืออะไร ทำไมถึงน่าสนใจ

DCA ย่อมาจากชื่อเต็มว่า Dollar-Cost Averaging แปลเป็นภาษาไทยใกล้เคียงที่สุดได้ว่า “การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน” หมายถึงการตั้งเป้าว่าจะลงทุนเท่ากันทุกงวดโดยไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงของราคาต้นทุนและสภาวะตลาด

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณตั้งเป้าว่าจะนำเงินไปซื้อหน่วยลงทุนจำนวน 600,000 บาท คุณอาจแบ่งการซื้อจากก้อนเดียวมาเป็นรายเดือน ทั้งหมด 100 งวด ตกเป็นเงินลงทุนงวดละ 6,000 บาท โดยไม่ใส่ใจว่าราคาของหน่วยลงทุนจะขึ้นหรือลง จุดประสงค์หลักของการลงทุนในลักษณะนี้จึงเป็นการกำจัดความผันผวนด้านราคา คนที่ลงทุนแบบ DCA จะซื้อได้ในราคาเฉลี่ยที่ถูกกว่าหรือใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยตลอดระยะเวลาการลงทุน จึงเหมาะกับประเภทการลงทุนที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว

เงินหลักร้อยลงทุนด้วยวิธี DCA ได้จริงหรือ จะน้อยเกินไปหรือไม่

“ได้แน่นอน” ปัจจุบันเราสามารถเริ่มลงทุนด้วยเงินเท่าไหร่ก็ได้ เช่น การซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หลายตัวนั้นมีราคาหุ้นเพียงไม่กี่บาทเท่านั้น ดังนั้นมีเงินหลักร้อยก็ลงทุนแบบ DCA ได้สบาย ๆ แต่เดิม DCA ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อให้นักลงทุนได้ลงทุนระยะยาวอยู่แล้ว นั่นความความว่าคุณจะแบ่งสรรรายได้ส่วนหนึ่งมาลงทุนเป็นงวด อาจจะเป็นเดือนละครั้ง เงินหลักร้อยหรือหลักพันต่างก็จัดว่าเป็นจำนวนเงินที่เหมาะสม คุณอาจมองว่าเป็นการสะสมทรัพย์ในอีกรูปแบบหนึ่งก็ได้ วิธีนี้จึงเป็นการฝึกวินัยทั้งการออมเงินและการลงทุนไปในตัว

ใครที่ควรใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ DCA วิธีนี้สามารถนำไปใช้ได้ทุกสถานการณ์หรือไม่

การลงทุนนี้เหมาะกับใคร ต้องใช้เวลานานแค่ไหน

DCA คืออะไรที่เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและไม่มีเวลาติดตามการลงทุนมากนัก ต้องการผลตอบแทนที่แน่นอน เนื่องจากข้อดีและวัตถุประสงค์หลักของการลงทุน DCA คือการลดความเสี่ยงจากความผันผวนด้านราคา สมมติว่าคุณซื้อหุ้นแบบ DCA ในบางงวดคุณอาจซื้อได้ในราคา 8 บาท ในขณะที่อีกงวดถัดไปอาจจะเป็น 10 บาท นั่นทำให้คุณได้ราคาเฉลี่ย 2 เดือนที่ 9 บาท ซึ่งเป็นราคาตรงกลางพอดี เมื่อเป็นเช่นนี้คุณก็ไม่ต้องใช้เวลาในการติดตามราคามากนัก ไม่ต้องใส่ใจเปิดพอร์ตทุกเช้าทุกเย็น สินทรัพย์ที่เหมาะสมจึงเป็นหุ้นชั้นดี ความมั่นคงสูงที่คาดว่าจะเติบโตได้เรื่อย ๆ หน่วยลงทุนระยะยาวที่ใช้เวลานานเกิน 10 ปีขึ้นไป หรืออีกวิธีหนึ่งที่นิยมคือการใช้ในกรอบ 6 – 12 เดือนแล้วขายก่อนที่ราคาจะร่วงลงต่ำ

ในสถานการณ์ที่หุ้นขึ้นและตกเยอะ ๆ เราควรทำ DCA ต่อหรือไม่

ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ตลาดหุ้นและตลาดการลงทุนอื่น ๆ ถือว่ามีความไม่แน่นอนสูงมาก กูรูการลงทุนหลายท่านต่างประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นที่ 1,400 จุดนั้นสูงกว่าสภาพที่แท้จริงของเศรษฐกิจ การขึ้นและลงของตลาดหุ้นจึงเกิดขึ้นถี่ ทำให้คาดการณ์ทิศทางได้ลำบาก แต่หากคุณเป็นนักลงทุนระยะยาวและมีจุดหมายการลงทุนที่แน่นอน การลงทุนแบบ DCA ถือเป็นทางเลือกดีเยี่ยมในช่วงเวลาที่ตลาดเล่นยากแบบนี้ ไม่ว่าคนอื่นจะนั่งจ้องหน้าจอจนกุมขมับแค่ไหน คุณก็ไม่ต้องใส่ใจมากเกินจำเป็น ยกเว้นในกรณีมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น คุณค่อยมาทบทวนแผนใหม่ก็ยังไม่สาย

เราจะใช้ DCA ไปลงทุนอะไรได้บ้าง

เนื่องจาก DCA เป็นเพียงกลยุทธ์การลงทุน จึงไม่มีข้อกำหนดว่าคุณควรใช้ DCA กับสินทรัพย์ประเภทไหน แต่ที่นิยมกันคือการลงทุนในหน่วยลงทุนที่คาดว่าจะมีมูลค่าสูงอย่างต่อเนื่องและไม่หวือหวาหรือมีความเสี่ยงสูงเกินรับได้ เช่น หุ้นที่มีความมั่นคง กองทุนรวม กองทุนรวมเพื่อการออม โครงการสะสมเงินสำรองต่าง ๆ ทองคำ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนพึงระลึกไว้ว่าการลงทุนแบบ DCA เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งเท่านั้น และไม่การันตีว่าคุณจะประสบความสำเร็จหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะหากราคาเป็นขาขึ้นตลอด นั่นจะทำให้เราซื้อหน่วยลงทุนได้น้อยกว่าตัวที่ขึ้นบ้างลงบ้างสลับกัน DCA จึงเหมาะที่สุดสำหรับการเก็บสะสมความมั่งคั่งในระยะยาวโดยที่ผู้ซื้อไม่ต้องกังวลเรื่องราคาที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ตามปัจจัยแวดล้อมและสภาวะตลาด ดังที่ได้ชื่อว่าเป็นการลงทุนจากร้อยสู่ล้าน สมกับเป็นการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปนั่นเอง

Credit : https://pixabay.com